Skip to main content

บิ๊กบี้ “บุกตลาดอิสราเอล” หวังนำเทคโนโลยีพัฒนาไทยให้มีมาตรฐานเท่าเทียม พร้อมสู่ไทยแลนด์ 4.0

รายละเอียดเนื้อหา

             วันที่ 4 พฤษภาคม 2560 เวลา 16. 00 น.(ตามเวลาท้องถิ่นรัฐอิสราเอล) พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะ ได้เข้าพบหารือข้อราชการกับ Mr. Aryeh Deri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล ณ กรุงยูซาเล็ม รัฐอิสราเอล




Preview

Download Images

           รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยได้กำหนดแนวทางการพัฒนาประเทศโดยการขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ยุคประเทศไทย 4.0 โดยเน้นพัฒนาคน ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทยให้มีฝีมือ สามารถทำงานใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ ได้ และขอบคุณรัฐบาลอิสราเอลที่สนับสนุนให้แรงงานไทยเดินทางมาทำงานในรัฐอิสราเอลภายใต้โครงการความร่วมมือไทย – อิสราเอลเพื่อการจัดหางาน ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะเพิ่มเติมขั้นตอนการคัดเลือกแรงงานให้มีความพร้อม FIT TO WORK ,FIT TO JOB และคาดหวังว่านายจ้างอิสราเอลจะถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรขั้นสูงให้แก่แรงงานไทย เพื่อสามารถนำความรู้กลับมาพัฒนาอาชีพเพื่อเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ
         นอกจากนี้ หากทางการอิสราเอลมีการทดสอบฝีมือแรงงานเพื่อออกหนังสือรับรองความรู้ทักษะฝีมือแรงงานด้านเกษตร ก็จะเป็นประโยชน์แก่แรงงานไทย เมื่อกลับไปจะได้พัฒนาเป็นผู้ประกอบการมีรายได้ที่สูงขึ้น พร้อมทั้งขอความร่วมมือด้านการคุ้มครองแรงงาน โดยขอให้ทางการอิสราเอลได้เพิ่มการติดตาม ตรวจสอบ ให้ความคุ้มครองแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตลอดจนการจ่ายเงินค่าชดเชย หรือเงินปีซูอิม สำหรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับเมื่อครบสัญญาจ้าง ขอให้มีช่องทางที่คนงานสามารถมอบอำนาจให้ฝ่ายแรงงานประจำเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เป็นผู้ดำเนินการเพื่อลดค่าใช้จ่าย และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอิสราเอลในฐานะผู้นำเข้าแรงงานด้วย
          ด้าน Mr. Aryeh Deri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล กล่าวว่า รัฐอิสราเอลมีกฎหมายใช้บังคับ และคุ้มครองคนทำงานเท่าเทียมกันทั้งคนไทยและคนอิสราเอล ซึ่งพร้อมที่จะให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง ตามที่ทางการไทยเสนอ สำหรับการจ่ายค่าชดเชย หรือเงินปีซูอีม ทางการอิสราเอลรับจะดำเนินการกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติให้ถูกต้อง และภายในปีนี้จะมีกฎหมายบังคับให้มีกองทุนสะสมเงินค่าชดเชย หรือเงินปีซูอิม หากคนงานทำงานครบตามสัญญาจ้าง ก็จะได้รับเงินสะสมอย่างถูกต้องครบถ้วน
           “ทั้งนี้ หากกฎหมายที่อิสราเอลกำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนชดเชยมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ ตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอลกล่าว ก็จะเป็นหลักประกันว่าแรงงงานไทยที่ทำงานในอิสราเอล ที่มีอยู่ประมาณ 2,500 คน จะต้องได้รับเงินสะสมเมื่อทำงานครบตามสัญญาจ้างเพิ่มขึ้นอีกคนละหนึ่งเดือน หรือประมาน 20,500 บาท รวมรายได้ กว่า 6 พันล้านบาท” พลเอก ศิริชัย กล่าวในท้ายที่สุด


—————————————————-


กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/
รภัสสา พานิกุล – ข่าว/
สมภพ ศีลบุตร – ภาพ/
5 พฤษภาคม 2560

TOP