วันที่ 25 ตุลาคม 2568 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นางนิยดา เสนีย์มโนมัย รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นางสาวจีระภา บุญรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน รวมถึงนักกายภาพจากโรงพยาบาลวัฒนานคร และเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่เยี่ยม ผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพในพื้นที่อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้กำลังใจ พูดคุยสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ผู้ประกันตน จำนวน 4 ราย
โดยรายแรกคือ นางสาวนันทนา ใสกมล อายุ 38 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุพพลภาพจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บไขสันหลัง ร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายร้อยละ 50 ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2559 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 7,750 บาท ตลอดชีวิต รายที่ 2 คือ นายอนุวัตร์ บุญโญประการ อายุ 48 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุพพลภาพจากโรคหลอดเลือดสมอง เป็นเหตุให้ร่างกายซีกขวาอ่อนแรง สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายร้อยละ 50 ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2557 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 4,266 บาท ตลอดชีวิต รายที่ 3 คือ นายไพรัช ศรีนอก อายุ 56 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ทุพพลภาพจากการติดเชื้อที่ตา เป็นเหตุให้ตาสูญเสียการมองเห็นทั้ง 2 ข้าง สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายร้อยละ 50 ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2555 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 2,400 บาท ตลอดชีวิต และรายที่ 4 คือ นายเฉลิมพล จิริยะรัตน์ อายุ 49 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุพพลภาพจากการติดเชื้อที่ตา เป็นเหตุให้ตาสูญเสียการมองเห็นทั้ง 2 ข้าง สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายร้อยละ 50 ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2564 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 6,299.20 บาท ตลอดชีวิต
ด้าน นางนิยดา เสนีย์มโนมัย รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานประกันสังคมพร้อมดำเนินการดูแลผู้ประกันตนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ทุพพลภาพ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งเงินทดแทนรายเดือน บริการทางการแพทย์ และความคุ้มครองอื่นๆ ตามกฎหมาย เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรี ทั้งนี้ การลงพื้นที่ของรัฐมนตรีในครั้งนี้ช่วยสร้างกำลังใจให้แก่ผู้ประกันตนและตอกย้ำบทบาทของกระทรวงแรงงานในการดูแลแรงงานทุกคนอย่างทั่วถึง



















