Skip to main content

“บิ๊กอู๋” จับมือราชทัณฑ์ สร้างงานให้ผู้ต้องขัง 3.7 หมื่นคนมีอาชีพ คืนคนดีสู่สังคม

รายละเอียดเนื้อหา

          ก.แรงงาน จับมือ กรมราชทัณฑ์ สถานประกอบการ คัดเลือกผู้ต้องขังชั้นดี ผู้ที่กำลังจะพ้นโทษ ได้ฝึกอาชีพหรือประกอบอาชีพอิสระตามความต้องการ ตามโครงการ “โรงงานในเรือนจำ”ตั้งเป้าปี 2561 ผู้ต้องขัง 3.7 หมื่นคนมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ คืนคนดีสู่สังคม




Preview

Download Images          

           พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมโครงการประชารัฐ ร่วมสร้างงาน สร้างอาชีพผู้ต้องขัง ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตามโครงการ “โรงงานในเรือนจำ” ณ ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ 346,470 คน จากเรือนจำทั้งหมด 143 แห่ง ส่วนใหญ่จะมีอายุตั้งแต่ 18 – 35 ปี กระทรวงแรงงานมีเป้าหมายที่จะให้ผู้ต้องขังเหล่านี้ได้เข้าร่วมโครงการ “โรงงานในเรือนจำ” โดยในปี 2561 ได้ตั้งเป้าหมายไว้จำนวน 37,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มผู้พ้นโทษ 10,000 คน และนักโทษชั้นดี 27,000 คน ซึ่งจะฝึกทักษะและฝึกอาชีพเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษ โดยจะสอบถามความต้องการของผู้ต้องขังถึงความต้องการที่จะทำงานในสถานประกอบการหรือการประกอบอาชีพอิสระ เพื่อจะได้ดำเนินการตามความสมัครใจ
           ทั้งนี้ โครงการ”โรงงานในเรือนจำ” เป็นความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐระหว่างกระทรวงแรงงาน กรมราชทัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการหารือในวันนี้มีสถานประกอบการตอบรับเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 40 แห่ง โดยกระทรวงแรงงานจะบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ป.ป.ส. และกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการคัดกรองผู้ต้องขังชั้นดี เป็นผู้มีวินัย และมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ความเชื่อมั่นและสอดคล้องตามความต้องการของผู้ประกอบการ สำหรับลักษณะงานที่จะให้ผู้ต้องขังทำนั้น อาทิ ช่างทำทอง เย็บรองเท้าขุดลอกท่อ ตัดหญ้า ทาสีอาคาร เป็นต้น
              พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ได้มอบหมายให้กรมการจัดหางาน หารือในรายละเอียดกับกรมราชทัณฑ์ ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจนให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อทำให้เกิดการขับเคลื่อนการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมคนดีสู่สังคมอีกด้วย


———————–


กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/
ชนินทร เพ็ชรทับ – ข่าว/
สมภพ ศีลบุตร – ภาพ/
14 มีนาคม 2561

TOP