วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อนำแนวทางอาเซียนในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี ค.ศ.2025 ไปปฏิบัติ โดยมี นาย Benedicto Ernesto R. Bitonio, Jr. ประธาน SLOM และปลัดกระทรวงด้านแรงงานสัมพันธ์ นโยบาย และการต่างประเทศ กระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ พร้อมทั้ง ประธานคณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักเลขาธิการอาเซียน คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
นายสมาสภ์ กล่าวว่า ในปัจจุบันการใช้แรงงานเด็กยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศรายงานว่าแรงงานเด็กที่อายุระหว่าง 5 – 17 ปี มีจำนวนประมาณ 160 ล้านคน ทั่วโลก ซึ่งในกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 48.7 ล้านคน อยู่ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งทุกภาคส่วนได้ร่วมกันเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ดำเนินการตามแนวทางอาเซียนในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี พ.ศ. 2568 ไปปฏิบัติ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในส่วนของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2565 จากรายงานกระทรวงแรงงาน พบว่า ได้มีการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 รวมทั้งสิ้น 71,301 คน สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนงานของอาเซียนและการบูรณาการร่วมกันเกี่ยวกับตัวชี้วัดด้านศักยภาพของแรงงานเด็ก เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในระดับภูมิภาค
นายสมาสภ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานหลักด้านการคุ้มครองแรงงาน ได้ดำเนินการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด โดยให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดสิ้นไป ด้วยการให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับเด็กที่สำคัญหลายฉบับ รวมถึงร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ตามแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 8.7 ที่ดำเนินการโดยทันทีและมีประสิทธิภาพเพื่อขจัดแรงงานบังคับ ยุติความเป็นทาสสมัยใหม่และการค้ามนุษย์ รวมถึงยับยั้งและกำจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ในด้านโครงสร้างกรอบกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็ก ประเทศไทยมีกฎหมายและระเบียบที่ห้ามการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 55 ฉบับ และมีการดำเนินงานที่สำคัญในปี พ.ศ. 2565 ได้แก่ การออกพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 29) พ.ศ. 2565 การออกกฎกระทรวง แผนปฏิบัติการ ประกาศ ตลอดจนการดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงแรงงานได้มีการบูรณาการออกตรวจแรงงานอย่างเป็นระบบ และมีการประสานส่งต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีบทบาทและกลไกในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กที่แตกต่างกัน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น
“กระทรวงแรงงานได้ดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐบาลในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายของประเทศไทยในการให้การคุ้มครองทางสังคมผ่านกลไกในรูปแบบต่าง ๆ อย่างครอบคลุม บนหลักการสิทธิมนุษยชน ไม่เลือกปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญต่อ การศึกษาและสวัสดิการสังคม เพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนที่อาจส่งผลกระทบต่อเด็กโดยรวม พร้อมทั้งได้จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเหตุร้องเรียนเกี่ยวกับแรงงานเด็กที่มีประสิทธิภาพหลายช่องทาง ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2565 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ สำหรับการออกตรวจแรงงาน เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการกระทำผิดที่อาจนำไปสู่การบังคับใช้แรงงานเด็กและการค้ามนุษย์อีกด้วย” นายสมาสภ์ กล่าว
“การประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในวันนี้ จะมีส่วนสำคัญที่จะได้รับความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันของอาเซียนในการต่อต้านและขจัดแรงงานเด็กในทุกรูปแบบผ่านความร่วมมือที่ครอบคลุมเพื่อจะได้นำไปปฏิบัติในด้านการดูแลและคุ้มครองแรงงานเด็กให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป” ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวท้ายสุด
On May 15, 2023, the Permanent Secretary of Labour, Mr. Boonchob Suttamanaswong, assigned the Ministry of Labour’s Inspector-General, Mr. Samat Pattamasukon, to chair the opening remarks of the Regional Workshop on Implementing the ASEAN Guidelines for Eliminating the Worst Forms of Child Labour by 2025. The event was attended by Mr. Benedicto Ernesto R. Bitonio, Jr., President of SLOM and Undersecretary of Labour Relations, Policy, and International Affairs, from the Department of Labour and Employment in the Philippines, together with the Chairperson of the Working Group of Senior Labour Officials in ASEAN and representatives of relevant agencies such as the ASEAN Secretariat, the ASEAN Commission on the Promotion and Protection of the Rights of Women and Children, the International Labour Organization, and the Food and Agriculture Organization of the United Nations. The occasion took place at the Novotel Bangkok, Ploenchit Road, Lumpini Subdistrict, Pathumwan District, Bangkok.
Mr. Samat said that, at present, child labour continues to be a problem. According to the International Labour Organization, there are approximately 160 million child workers between the ages of 5 and 17 worldwide, of which approximately 48.7 million are in Asia and the Pacific. All sectors have jointly agreed to continuously work towards resolving the problem. In this regard, ASEAN member countries have followed the ASEAN guidelines in eliminating the worst forms of child labour by 2025 to show the common intention to eradicate the worst forms of child labour. In Thailand in 2023, there were 71,301 children under Section 45 of the Labour Protection Act B.E. 2541. This workshop aimed to discuss progress in implementing the ASEAN work plan and the integration of child labour potential indicators, to strengthen the elimination of the worst forms of child labour at the regional level.
Mr. Samat continued that the Ministry of Labour is the main agency for labor protection. It has taken action to eliminate the worst forms of child labour by working with the global community to eradicate the worst forms. It has ratified several important international conventions relating to children and driven the Sustainable Development Goals (SDGs) following the Sustainable Development Goals Driving Plan for Thailand, specifically target 8.7, which has taken immediate and effective action to eliminate forced labour, to end modern slavery and human trafficking including deterring and eliminating the worst forms of child labor. Regarding the structure of the legal framework and law enforcement on child labour. Thailand has at least 55 laws and regulations prohibiting the worst forms of child labour. Important actions in 2022 include the issuance of amendments to the Criminal Code (No. 29), B.E. 2565, the issuance of ministerial regulations, action plans, announcements, and amendments to relevant laws. The Ministry of Labour has systematically integrated labour inspections and coordinated with various agencies with different roles and mechanisms in enforcing laws related to child labour, such as the Royal Thai Police, the Ministry of Interior, the Ministry of Social Development, and Human Security.
“The Ministry of Labour has implemented a project following the government’s policy to eliminate the worst forms of child labour in Thailand by providing comprehensive social protection through various mechanisms on human rights and anti-discrimination principles. It has focused on education and social welfare to address poverty that may affect children. In addition, public relations have been provided through effective channels for reporting complaints about child labour and through labour inspections to prevent and monitor offenses that may lead to child labour and human trafficking,” said Mr. Samat.
“Today’s workshop will be an important part of the multi-stakeholder input to demonstrate ASEAN’s shared commitment to combating and eliminating all forms of child labour through comprehensive cooperation. It will be implemented in the supervision and protection of child labour to make it even better,” concluded the Ministry of Labour’s Inspector-General.
++++++++++++++++++++++++++++++++
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/Division of Public Relations
