Skip to main content

รมว.แรงงานไปเยี่ยมแรงงานอิสระเจ้าของ “บ้านไร่ชมภูฟาร์ม” ยกย่องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่แรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ

รายละเอียดเนื้อหา

                วันที่ 25 ตุลาคม 2561 เวลา 09.00 น. พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางไปเยี่ยมแรงงานอิสระ/แรงงานนอกระบบซึ่งกลับจากไปทำงานต่างประเทศเกาหลีใต้ นำองค์ความรู้และวิธีการบริหารจัดการ การเก็บออม มาประยุกต์กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่บ้านเกิดจนประสบความสำเร็จเป็นแบบอย่างที่ดีแก่แรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ โดยมีนายอิทธิเชษฐ์ ชมภู เกษตรกรเจ้าของ “บ้านไร่ชมภูฟาร์ม” ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านโคกพัฒนา หมู่ที่ 10 ตำบลนาหนัง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดยมีนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นายอำเภอโพนพิสัย ผู้นำชุมชน และประชาชนร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น           

                นางวรรณกานต์ ขาวลาภ แรงงานจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า นายอิทธิเชษฐ์ ชมภู เกษตรกรเจ้าของ “บ้านไร่ชมภูฟาร์ม” ตั้งอยู่ที่บ้านโคกพัฒนา หมู่ที่ 10 ตำบลนาหนัง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เป็นลูกคนที่สองของคุณพ่อพูน และคุณแม่นวลจันทร์ ชมภู มีพี่สาว 1 คน และน้องชาย 1 คน ปัจจุบันอายุ 35 ปี เมื่อก่อนผมเคยทำงานในสถานประกอบการที่กรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกันผมก็ได้ลงเรียนสาขาวิชารัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง เมื่อปี 2546 – 2547 แต่ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจทำให้คนในบ้าน พ่อ แม่ พี่ น้อง ต้องลำบากเลยต้องหยุดเรียนและหาทางขยับขยายให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

               จากนั้นเขาตัดสินใจกู้เงินเพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการเดินทางไปทำงานครั้งแรกเขาเล่าว่า ได้ไปทำงานโดยวิธีบริษัทจัดหางานจัดส่ง ผมได้ทำงานในโรงงานทอผ้า สัญญา 3 ปี ซึ่งตอนนั้นยังเก็บเงินไม่ค่อยได้เพราะต้องรับผิดชอบส่งน้องเรียนหนังสือ ดูแลครอบครัว และที่สำคัญต้องชำระหนี้ที่กู้ไปทำงาน จำนวน 220,000 บาท ต่อมาเขาตัดสินใจสมัครกลับไปทำงานที่เกาหลีใต้เป็นรอบที่สอง คราวนี้ได้ไปทำงานโดยวิธีรัฐจัดส่งโดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เลยประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปจากเดิมมาก เสียค่าใช้จ่ายเพียง  5 – 6 หมื่นบาทเท่านั้น ในระยะเวลา 4 ปี 7 เดือนก็สามารถเก็บเงินจากการทำงานได้ 7 แสนบาท เขาจึงนำเงินก้อนนี้กลับมาลงทุนทำอาชีพการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่ 9 ในผืนแผ่นดินของพ่อแม่ผมซึ่งมีอยู่ 39 ไร่ ตามฝันของเขาจนประสบความสำเร็จ

                นายอิทธิเชษฐ์ ชมภู กล่าวว่า เมื่อผมเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย ผมเริ่มต้นปรึกษาหารือนำเสนอแนวคิดทั้งหมดตามฝันของผมเพื่อขออนุญาตและขอโอกาสจากคุณพ่อคุณแม่ในการจะร่วมกันลงมือทำอาชีพเกษตรกรเต็มขั้น ณ “บ้านไร่ชมภูฟาร์ม” แห่งนี้ ซึ่งผมได้มีการวางแผนจัดสรรพื้นที่ปลูกพืชให้เหมาะสมด้วยตัวเอง เช่น ปลูกมะนาวในท่อ 600 ต้น แก้วมังกร 100 ต้น ต้นหม่อน 1 งาน กล้วยน้ำว้า 2 ไร่    ทำนาข้าวปลอดภัย เช่น ข้าวหอมนิล ข้าวทับทิมชุมแพ และข้าวหอมมะลิ จำนวน 20 ไร่ ปาล์มน้ำมัน   3 – 4 ไร่ รวมทั้งปลูกผักอินทรีย์ปลอดสารพิษ นอกจากนี้ยังได้เลี้ยงสัตว์ เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน  และไก่สวยงาม ผมมีรายได้เฉลี่ยจากผลผลิตทางการเกษตรตกเดือนละประมาณ 25,000 บาท ในการทำงานการเกษตรครั้งนี้ ผมวางแผนผลิตให้มีรายได้เป็นรายวัน รายเดือน และรายปี ให้ครบวงจร ในระยะเวลา 4 ปีกว่าที่ผ่านมาประสบปัญหาแหล่งน้ำไม่เพียงพอในช่วงหน้าแล้งอยู่บ้าง ซึ่งผมได้รับการสนับสนุนจาก ธกส. และกรมพัฒนาที่ดินให้งบประมาณมาขุดบ่อน้ำ 6 บ่อในพื้นที่ 6 ไร่ ในตอนท้าย

     “ที่ผ่านมาเมื่อผมได้ไปทำงานในต่างประเทศ เพราะผมมีฝัน มีเป้าหมายชีวิต และมีแรงบันดาลใจในการทำงาน โดยเป้าหมายในการไปทำงานที่เกาหลีใต้ของผมคือตั้งใจทำงานเพื่อเก็บเงินไปพัฒนาชีวิตและครอบครัวของเรา นี่แหละคือสาระสำคัญ” ผมจึงอยากบอกพี่น้องที่กำลังจะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศว่า ตัวแรงงานเราต้องขยันและตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง เพราะเราต้องแข่งขันกับแรงงานประเทศอื่นสูงมาก เช่น แรงงานจากพม่า เกาหลี และบังคลาเทศ เราต้องแข่งกับเวลาทั้งในการทำงาน เช่น การใช้เครื่องจักรให้ปลอดภัยไม่ประมาทพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวเพราะหมายถึงความปลอดภัยในชีวิตของเรา การใช้ห้องน้ำ ห้องครัว การกินข้าวในหอพัก ตลอดจนการเพิ่มผลผลิตด้านแรงงานให้ได้โอทีหรือค่าล่วงเวลามากขึ้นเพื่อความอยู่รอด จึงขอฝากเตือนพี่น้องแรงงานไทยที่จะไปทำงานต่างประเทศต้องไปให้ถูกต้องกฎหมาย ไปสมัครงานและขออนุญาตที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด อย่าลักลอบไปทำงานเป็นผีน้อยในต่างแดนเพราะเสี่ยงต่อการถูกจับกุม ท่านจะเป็นแรงงานเถื่อนจะมีความเป็นอยู่ที่ลำบากมากครับ”

                นายอิทธิเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า จากอดีตผมเป็นแรงงานในโรงงานหรือสถานประกอบการ ได้ผันตัวมาเป็น“แรงงานอิสระหรือแรงงานนอกระบบ” ที่ไม่ต้องมีนายจ้างแห่ง“บ้านไร่ชมภูฟาร์ม”ร่วมกับครอบครัวซึ่งมีกำลังหลักได้แก่ ผม พี่สาว หลานสาว และคุณพ่อ คุณแม่ รวม 5 ชีวิต “สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกดีก็คือหลังจากลาออกจากงานที่เซเว่นอีเลฟเว่นก่อนไปทำงานต่างประเทศ ผมได้สมัครเป็นผู้ประตนของสำนักงานประกันสังคมตามมาตรา 39 โดยส่งเงินสมทบเดือนละ 432 บาท เพื่อให้มีหลักประกันและสิทธิประโยชน์ใน 6 กรณี ได้แก่ กรณีคลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย” 

               “ผมและครอบครัวของผมต้องขอขอบพระคุณทุกหน่วยงาน องค์กร และพี่น้องทุกท่านที่ให้ความเมตตาให้โอกาสผมในการทำงานสานฝันจนมาถึงวันนี้ ท่านที่เดินทางมาศึกษาดูงาน ให้โอกาสผมเป็นวิทยากร ช่วยสนับสนุนผลผลิตและผลิตภัณฑ์ใน“บ้านไร่ชมภูฟาร์ม” ของเกษตรกรจนๆครอบครัวหนึ่ง หากมีสิ่งใดที่ผมและครอบครัวสามารถแลกเปลี่ยนและแบ่งปันองค์ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานได้ ผมยินดีปวารณาตัวจะให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ทุกองค์กรครับผม นายอิทธิเชษฐ์” กล่าวในตอนท้าย

  

TOP