Skip to main content

ก.แรงงาน เตรียมความพร้อมและท่าทีของไทยสำหรับ การประชุม ASEAN Forum on Migrant Labour (AFML) ครั้งที่ 11

รายละเอียดเนื้อหา

            นายวิวัฒน์ฯ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดการประชุมเตรียมการระดับชาติสำหรับการประชุม ASEAN Forum on Migrant Labour (AFML) ครั้งที่ 11 เตรียมความพร้อมและเตรียมท่าทีของประเทศไทยก่อนการเข้าร่วมการประชุม ASEAN Forum on Migrant Labour (AFML) ครั้งที่ 11 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคม 2561 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีหัวข้อหลักของการประชุม คือ “การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการจ้างงานที่มีคุณค่าสำหรับแรงงานต่างด้าวในภูมิภาคอาเซียน”

 

                                                                                                                                                                         DOWNLOAD IMAGES


            วันที่ 14 กันยายน 2561 นายวิวัฒน์ ตังหงส์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุมเตรียมการระดับชาติสำหรับการประชุม ASEAN Forum on Migrant Labour (AFML) ครั้งที่ 11 ณ  โรงแรมพูลแมน  คิง  พาวเวอร์  กรุงเทพฯ โดยกล่าวว่า ประเทศไทยตระหนักดีถึงความสำคัญของแรงงานต่างด้าวในฐานะกลไกสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแรงงานไทย ในปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างน้อย 2 ล้านคน โดยเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าทั้งแรงงานต่างด้าว และแรงงานไทยจะได้รับความคุ้มครองในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแรงงานต่างด้าวเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม การละเมิดสิทธิมนุษยชน การเอารัดเอาเปรียบและขาดการเข้าถึงงานที่มีคุณค่า กอปรกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในโลกยุคปัจจุบัน การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยี และการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ส่งผลกระทบต่อความต้องการในตลาดแรงงาน และขีดความสามารถในการปรับตัวของแรงงาน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว ด้วยเหตุนี้รัฐบาลร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือร่วมใจกันทั้งในเรื่องของการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่เดิม ไม่เพียงแต่จะต้องมีการปรับปรุงนโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับสภาวะความเปลี่ยนแปลง แต่ความท้าทายอีกประการหนึ่งคือการนำประโยชน์ของเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยส่งเสริมให้แรงงานต่างด้าวได้รับการคุ้มครองสิทธิและเข้าถึงงานที่มีคุณค่าอย่างเท่าเทียมกับแรงงานไทย


            รัฐบาลได้กำหนดนโยบายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้แนวคิดไทยแลนด์ 4.0 ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ให้มีคุณภาพ เป็นพลังหลักที่ขับเคลื่อนภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจไทยจากเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยกระทรวงแรงงานได้พัฒนาช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อรองรับการบริหารจัดการแรงงาน การเข้าถึงสิทธิประโยชน์และการจ้างงานของแรงงานต่างด้าวและแรงงานไทย โดยแบ่งเป็นมาตรการและกลไกรองรับการส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ และมาตรการกลไกสำหรับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ในส่วนของการบริหารจัดการแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ กระทรวงแรงงานโดยกรมการจัดหางานได้มีการออกระเบียบกรมการจัดหางาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนหางาน ในการยื่นแบบรายงานการเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ โดยก่อนการเดินทางแรงงานไทยสามารถสืบค้นข้อมูลบริษัทจัดหางานที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการจัดหางาน เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ นอกจากนั้น ในกรณีที่แรงงานไทยที่ทำงานในต่างประเทศประสบปัญหาหรือมีข้อสอบถาม ก็สามารถติดต่อสำนักงานแรงงานในต่างประเทศด้วยช่องทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์หรืออีเมลล์ของสำนักงานแรงงานได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย


            สำหรับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักร กระทรวงแรงงานได้พัฒนาระบบการนำเข้าแรงงานตาม MOU ผ่านระบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการประสานการดำเนินการยื่นคำร้องระหว่างประเทศผู้ส่งและประเทศผู้รับ โดยได้พัฒนาระบบรองรับเมื่อแรงงานต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งในส่วนของ E-work permit สำหรับแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาทำงานผ่านช่องทาง MOU การพัฒนาแอพพลิเคชั่น การประกันสังคมซึ่งให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสิทธิของผู้ประกันตน ตลอดจนช่องทางการจ่ายเงินสมทบ ซึ่งในปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมมีระบบ e-payment เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นายจ้างในการจ่ายเงินสมทบ และอยู่ระหว่างการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้รองรับภาษาท้องถิ่นของแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ ยังมีช่องทางร้องเรียน/ร้องทุกข์ให้กับแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยผ่านระบบ “DoE Help Me” ผ่านทางเว็บไซต์ www.doe.go.th/helpme ซึ่งให้บริการ 6 ภาษา เพื่อเป็นตัวกลางช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวให้ได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐานสากล และมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น  Smart Labour 3 ให้บริการทางโทรศัพท์มือถือทั้งเรื่องการให้บริการรับแจ้งปัญหาแรงงานต่างด้าว การขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน การค้นหาตำแหน่งโรงพยาบาลของผู้ประกันต้น เป็นต้น โดยความพยายามดังกล่าวถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการแรงงานและการให้บริการแรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล อย่างไรก็ตามการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็ยังมีข้อจำกัด ทั้งในเรื่องของการเข้าถึง นโยบายความเป็นส่วนตัว และความมั่นคงไซเบอร์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่รัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องบูรณาการการทำงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน


            ด้วยเหตุนี้ การประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อจากนี้ จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานเป็นอย่างยิ่ง นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ นายจ้าง ลูกจ้าง และภาคประชาสังคม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องดังกล่าว จะได้มาพูดคุย และร่วมกันสะท้อนความคิด ตลอดจนเสนอข้อคิดเห็น และประมวลสถานการณ์ผ่านการมองต่างมุม เพื่อร่วมกันหานโยบาย และวางแนวทางร่วมกัน สุดท้ายนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมเตรียมการระดับชาติสำหรับการประชุม ASEAN Forum on Migrant Labour (AFML) ครั้งที่ 11 จะก่อให้เกิดการหารือร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรม นายวิวัฒน์ฯ กล่าวท้ายที่สุด


——————————–


กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

14 กันยายน 2561

กัณติภณ คูสมิทธิ์ ข่าว ภาพ

TOP