Skip to main content

“ตรีนุช” เจรจาเกาหลี เปิดตลาดแรงงานไทยสาขาใหม่ – หนุนแรงงานไทยสู่อู่ซ่อมรถยนต์ กว่า 330 ตำแหน่ง

รายละเอียดเนื้อหา

วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐเกาหลี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาติ สุภารี รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นางศิริรัตน์ ศรีชาติ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) และคณะ หารือร่วมกับคุณ ยัง ซึง ยง (MR. YANG SEUNGYONG)ผู้บริหาร Korea Automobile Repair & Inspection Federation สมาคมซ่อมแซมและตรวจสอบรถยนต์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อส่งเสริมโอกาสการจ้างงานแรงงานไทยในอู่ซ่อมรถยนต์ของสาธารณรัฐเกาหลี พร้อมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงแรงงานไทยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจ้างแรงงานไทยในสาธารณรัฐเกาหลี

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เนื่องจากทราบว่าสาธารณรัฐเกาหลี กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอู่ซ่อมรถยนต์ตำแหน่งช่างทำสี และช่างซ่อมตัวถังรถยนต์ และ นายจ้างต้องการจ้างแรงงานไทย เนื่องจากมีศักยภาพ และมีความสามารถ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดตลาดแรงงานไทย สาขาใหม่ ด้านการซ่อมแซมรถยนต์

นางสาวตรีนุช กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยในวันนี้ ทางสมาคมฯ ได้แจ้งความต้องการแรงงานในตำแหน่ง ช่างทำสีรถยนต์ จำนวน 330 คน โดยมีคุณสมบัติ ได้แก่
1.อายุ 20 – 40 ปีบริบูรณ์
2. ถ้าไม่มีวุฒิการศึกษา ต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี กรณีมีวุฒิการศึกษา ระดับอนุปริญญา ต้องมีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยคนงานจะต้องมีเอกสารรับรองประสบการณ์การทำงาน ซึ่งขณะนี้ สมาคมฯได้รับอนุญาตจากกระทรวงยุติธรรมเกาหลีให้ดำเนินโครงการนำร่องจ้างแรงงานต่างชาติได้ 330 คน ต่อปี ซึ่งหากเป็นไปได้ สมาคมฯ ต้องการแรงงานไทยเข้าไปทำงาน เนื่องจากแรงงานไทยทำงานได้ดี มีฝีมือ เป็นที่ชื่นชอบของนายจ้าง และรัฐบาลเกาหลีเน้นการจ้างแรงงานต่างชาติที่มีทักษะ ฝีมือโดดเด่น
นอกจากนี้ ในปี 2026 คนงานที่มาทำงานในวีซ่าแรงงานทักษะฝีมือ E-7-3 จะได้รับค่าจ้างประมาณ 2,920,000 วอน ต่อเดือน (68,620 บาท) และสามารถนำครอบครัว เข้ามาอยู่ในสาธารณรัฐเกาหลีได้ด้วย หากมีความขยันและตั้งใจทำงาน นายจ้างจะต่อวีซ่าให้ทำงานกับนายจ้างต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่มีกำหนด ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลี จะได้รับสิทธิ สวัสดิการและการคุ้มครองเช่นเดียวกับแรงงานเกาหลี

ซึ่ง กระทรวงแรงงาน ขอยืนยันว่ามีความพร้อมในการจัดส่งแรงงานเข้ามาทำงานในสาธารณรัฐเกาหลี โดยกรมการจัดหางานจะทำหน้าที่คัดเลือกและจัดส่งคนหางานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ขณะที่กรมพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน จะพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของสมาคม นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ทำหน้าที่ประสานงานและอำนวยความสะดวกด้านการจ้างงานแรงงานไทย รวมถึงด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และขอให้มั่นใจว่าแรงงานไทยจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือให้แก่สมาคมฯ ได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณสมาคมฯ ที่เห็นความสำคัญในการจ้างแรงงานไทย และยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับสมาคมฯ ในทุกด้านเพื่อส่งแรงงานไทยไปทำงานในตำแหน่งงานที่มีทักษะฝีมือเพิ่มมากขึ้น และมอบหมายให้ฝ่ายแรงงานฯ ประสานการดำเนินการหารือร่วมกับสมาคมฯ ต่อไป

ด้าน พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ห่วงใยแรงงานที่เดินทางมาทำงานในสาธารณรัฐเกาหลี จึงขอความร่วมมือจากสมาคมและนายจ้าง ในการดูแลแรงงานไทยในด้านต่าง ๆ อาทิ การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรม การดูแลด้านความปลอดภัยในการทำงาน ตลอดจนสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองตามกฎหมาย เพื่อให้แรงงานไทยสามารถทำงานได้อย่างมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงกระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับการพัฒนาฝีมือแรงงาน มีทักษะในการทำงาน โดยเฉพาะในตำแหน่งช่างเคาะ พ่นสีรถยนต์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เป็นที่ต้องการของสมาคมฯ

ขณะที่ นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ โดยแรงงานไทยสามารถเข้ามาทดสอบฝีมือแรงงานเพื่อวัดทักษะก่อนไปทำงานในต่างประเทศได้ นอกจากนี้ ยังสามารถร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรตามความต้องการของนายจ้าง และฝึกอบรมโดยเน้นเรื่องความปลอดภัย ทัศนคติในการทำงาน ควบคู่กับการฝึกด้านภาษาเกาหลี ซึ่งสามารถดำเนินการได้ในหน่วยงานของกรมทั่วประเทศ ซึ่งมีความพร้อม และหวังอย่างยิ่งว่าความร่วมมือนี้ จะเป็นการสร้างองค์ความรู้ ร่วมกันเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน

ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการจัดหางานมีภารกิจในด้านการส่งเสริมแรงงานให้มีงานทำ รวมถึงการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ การจัดส่งแรงงานที่มีทักษะฝีมือ ทางสมาคมฯ สามารถร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานตามที่ฝ่ายเกาหลีกำหนด โดยแรงงานที่มีมาตรฐานฝีมือแรงงาน และได้รับการคัดเลือกแล้ว จะได้รับการอบรมเกี่ยวกับวัฒนธรรม ธรรมเนียมการดำรงชีวิตให้สามารถทำงานกับนายจ้างในเกาหลีได้ ทั้งนี้ การจัดส่งแรงงานไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลีมีทั้งในรูปแบบ กรมการจัดหางานจัดส่ง ซึ่งแรงงานรับผิดชอบเฉพาะค่าใช้จ่ายส่วนตัว ได้แก่ ค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน ค่าหนังสือเดินทาง ค่าวีซ่า ค่าตรวจประวัติอาชญากรรม และค่าตรวจสุขภาพ และการจัดส่งในรูปแบบของบริษัทจัดหางานจัดส่ง ซึ่งคนงานจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนของค่าบริการจัดหางาน โดยขอให้พิจารณาให้มีการจัดส่งโดยรัฐเพื่อให้แรงงานไทยได้ไปทำงานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง

ซึ่งในประเด็นแนวปฏิบัติทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการหารือร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่ โดยฝ่ายแรงงานฯ จะประสานงานร่วมกับสมาคมฯ ต่อไป

TOP