Skip to main content

ทางการฮ่องกงประกาศข้อกำหนดสำหรับผู้เดินทางจากแอฟริกาใต้

รายละเอียดเนื้อหา

                     สื่อทางการ (https://www.news.gov.hk/eng/และhttps://www.info.gov.hk/gia/general/ )  แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ทางการฮ่องกงประกาศบังคับใช้ข้อกำหนดการขึ้นเครื่องบิน การกักตัว และการตรวจเชื้อที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผู้พำนักอาศัยในฮ่องกงที่เดินทางมาจากแองโกลา เอธิโอเปีย ไนจีเรีย และแซมเบีย โดยจะใช้มาตรการที่เข้มงวดกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศแอฟริกาใต้ รวมถึงบอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย และซิมบับเวซึ่งเคยได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง (กลุ่ม A)  ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายนแล้ว เนื่องจากการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 นำเข้าที่เกี่ยวข้องกับสายพันธ์ Omicron จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ผู้พำนักอาศัยในฮ่องกงที่เดินทางเข้าฮ่องกงต้องฉีดวัคซีนครบถ้วนและมีบันทึกการฉีดวัคซีนที่เป็นที่ยอมรับ โดยต้องอยู่ในศูนย์กักกันของ Penny’s Bay เป็นเวลา ๗ วันและตรวจเชื้อทุกวัน หลังจากนั้นต้องกักตัวต่ออีก ๑๔ วันที่โรงแรมกักตัวตามที่กำหนดโดยต้องตรวจเชื้อในวันที่ ๙, ๑๒, ๑๖ และ ๑๙ รวมถึงตรวจอีกครั้งที่ศูนย์ตรวจเชื้อชุมชนในวันที่ ๒๖ ของการเดินทางถึงฮ่องกง ซึ่งผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮ่องกงและเคยพักในประเทศดังกล่าวภายในระยะเวลา ๒๑ วันจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฮ่องกง

                  นอกจากนี้ ทางการฮ่องกงจะกำหนดให้ประเทศออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เยอรมนี อิสราเอล และอิตาลีเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง (กลุ่ม A) ในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ โดยผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮ่องกงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวภายในระยะเวลา ๒๑ วันจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฮ่องกง สำหรับผู้พำนักอาศัยในฮ่องกง สามารถขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้าฮ่องกงได้ หากฉีดวัคซีนครบถ้วนและมีบันทึกการฉีดวัคซีนที่เป็นที่ยอมรับ โดยต้องกักตัวในโรงแรมตามที่กำหนดเป็นเวลา ๒๑ วัน และตรวจเชื้อ ๖ ครั้งระหว่างกักตัว รวมถึงตรวจภาคบังคับในศูนย์ตรวจเชื้อชุมชนในวันที่ ๒๖ ของการเดินทางถึงฮ่องกง ซึ่งทางการฮ่องกงจะติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และจะปรับเปลี่ยนข้อกำหนดในการขึ้นเครื่องบิน การกักตัว และการตรวจเชื้อสำหรับผู้ที่เดินทางมาถึงฮ่องกงจากสถานที่ที่เกี่ยวข้องตามระดับความเสี่ยงตามสถานการณ์เพื่อบรรลุเป้าหมาย “ไม่มีการติดเชื้อ” รวมถึงป้องกันกรณีนำเข้าและการฟื้นตัวของการติดเชื้อในประเทศ

TOP