Skip to main content

ทางการเครือรัฐหมู่เกาะมาเรียน่าเหนือฯ ปรับมาตรการกักตัว

รายละเอียดเนื้อหา

                      สื่อท้องถิ่น (https://www.saipantribune.com/index.php) รายงานว่า จากคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา  คณะทำงานเฉพาะกิจด้านโควิด-19 ของเครือรัฐฯ และหน่วยงาน Commonwealth Healthcare Corp.(CHCC) ได้กำหนดมาตรการซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๕  สรุปได้ ดังนี้

      ๑) ผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 และไม่แสดงอาการต้องอยู่บ้านอย่างน้อย ๕ วัน โดยแยกจากผู้อื่น และสวมหน้ากากหากต้องพบกับบุคคลอื่น เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการแพร่กระจายของโรคสู่ผู้ที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะกับประชาชนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

      ๒) กรณีที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้อย่างปลอดภัย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะออกคำสั่งให้แยกไปกักตัว ณ สถานที่ที่ทางการกำหนด หากมีอาการระหว่างกักตัวจะเริ่มนับเวลาเพื่อกักตัวใหม่  ณ วันที่มีอาการ

      ๓) ผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการที่กำลังจะหาย (ไม่มีไข้เป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมง) สามารถยุติการแยกเพื่อกักตัวได้หลังจาก ๕ วันแล้ว และต้องสวมหน้ากากอนามัยที่กระชับพอดี เช่น หน้ากาก KN95 หรือ N95 เมื่ออยู่กับผู้อื่นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อ

      ๔) ผู้ที่ยังแสดงอาการอยู่ ควรแยกกักตัวจนกว่าอาการจะหายไป หรือหากผลตรวจแอนติเจนเป็นลบ สำหรับผู้ที่ไม่มีชุดตรวจแอนติเจนที่บ้านสามารถใช้บริการตรวจได้ที่สถานีดับเพลิง       ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินและที่ศูนย์ชุมชนโคเบลอร์วิลล์

      ๕) ผู้ที่เคยสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 และไม่ได้ฉีดวัคซีน ให้ลดการสัมผัสกับผู้อื่น สวมหน้ากากอนามัยที่กระชับ และควรตรวจในวันที่ ๕ หลังการสัมผัส ที่สถานีตรวจเชื้อของชุมชน

      ๖) ผู้ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อและได้รับการฉีดวัคซีนแล้วควรสวมหน้ากากอนามัยที่กระชับพอดีและควรตรวจเชื้อในวันที่ ๕ หลังการสัมผัสที่สถานีตรวจเชื้อของชุมชน

      ๗) ผู้ที่มีผลตรวจเชื้อเป็นบวกจะต้องปฏิบัติตามแนวทางของการแยกตัว

      ๘) การตรวจเชื้อที่สถานีตรวจของชุมชน ไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า สามารถติดตามตารางการตรวจได้ทางเฟซบุ๊กของหน่วยงาน CHCC

      ๙) มีข้อแนะนำให้ประชาชนเข้ารับการดูแลหรือรับการตรวจเชื้อโควิด-19 หากมีอาการเล็กน้อย เพื่อการดูแลรักษาแต่เนิ่นๆ หากมีอาการรุนแรงเช่น หายใจลำบาก ปวดหรือแน่นที่หน้าอก หรืออื่น ๆ สามารถโทรเรียก ๙๑๑ หรือติดต่อศูนย์ชุมชน Koblerville หรือ KC3 ตั้งอยู่ที่ Koblerville Youth Center ซึ่งเปิดให้บริการเจ็ดวันต่อสัปดาห์รวมถึงวันหยุดตั้งแต่ เวลา ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น.

      ๑๐) สำหรับผู้เดินทางที่เดินทางเข้าพื้นที่เครือรัฐฯ ทางอากาศหรือทางทะเลจะต้องตรวจเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางมาถึง  โดย – ผู้เดินทางที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะต้องกักตัวในสถานที่ที่ทางการกำหนดเป็นเวลา ๕ วัน และจะต้องตรวจเชื้ออีกครั้งก่อนออกจากการกักตัว ผู้เดินทางที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนอาจกักตัวที่บ้านหรือที่พักของพวกตน หากกรอกแบบฟอร์มประกาศด้านสุขภาพที่จำเป็นอย่างน้อย ๗๒ ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึง และหลังจากบ้านหรือที่พักผ่านการประเมิน (มีหลักฐานว่าสามารถแยกตัวอยู่บ้านหรือที่พักได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา ๕ วัน)

             – ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนจะต้องตรวจเชื้อที่ทางเข้าด่าน และได้รับอนุญาตให้รอผลที่บ้านหรือที่พักของตน ระหว่างรอผลตรวจต้องจำกัดการติดต่อกับผู้อื่นจนกว่าจะได้รับผล และให้ตรวจเชื้อในวันที่๕ ที่ศูนย์ชุมชน Koblerville  หรือสถานีตรวจเชื้อของชุมชนโดยให้แสดงรหัสยืนยัน  ทั้งนี้ ต้องอัพโหลดบันทึกการฉีดวัคซีนไปยังแบบฟอร์มสุขภาพของตนเอง ซึ่งต้องมีข้อมูลได้แก่ ผู้จัดการการฉีดวัคซีน ชื่อ วันเกิดของผู้ฉีดวัคซีน สถานที่ฉีดวัคซีน ชื่อวัคซีน วันที่ฉีดวัคซีน หมายเลขล็อต และวันหมดอายุของวัคซีน สำหรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนนอกพื้นที่เครือรัฐฯ นอกจากบันทึกการฉีดวัคซีนแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ CHCC อาจใช้บันทึกการสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเป็นทางการหรือเอกสารรับรองเพื่อยืนยันข้อมูลที่ให้ไว้ในแบบฟอร์มด้านสุขภาพเป็นจริงและอยู่ภายใต้กฎหมายของเครือรัฐฯที่อาจนำไปสู่การเสียค่าปรับทางอาญา สำหรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนนอกพื้นที่เครือรัฐฯ นอกจากบันทึกการฉีดวัคซีนแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ CHCC อาจใช้บันทึกการสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเป็นทางการหรือเอกสารรับรองเพื่อยืนยันข้อมูลที่ให้ไว้ในแบบฟอร์มด้านสุขภาพเป็นจริงและอยู่ภายใต้กฎหมายของเครือรัฐฯที่อาจนำไปสู่การเสียค่าปรับทางอาญา สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนในพื้นที่เครือรัฐ บันทึกการฉีดวัคซีนจาก CHCC จะถูกนำมาใช้เพื่อยืนยันสถานะการฉีดวัคซีน

             – ผู้เดินทางขาเข้าที่จะไปยังพื้นที่ Rota หรือ Tinian สามารถตรวจเชื้อวันที่ ๕ ได้ที่ศูนย์สุขภาพของพื้นที่ดังกล่าว

             – ผู้เดินทางที่ต้องการสถานะผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนครบถ้วน และส่งผลตรวจ PCR เชิงลบพร้อมกับใบสมัครภายใน ๗๒ ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าพื้นที่ผ่าน www.staysafecnmi.com และแนะนำให้ผู้เดินทางทุกคนกรอกแบบฟอร์มประกาศสุขภาพก่อนเดินทางมาถึงที่ www.staysafecnmi.com

      ๑๑) เตือนผู้เดินทางและประชาชนทุกคนให้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 โดยให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และรักษาระยะห่าง หลีกเลี่ยงฝูงชนและพื้นที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี ครอบคลุมการไอและจาม ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่มีการสัมผัสสูงทุกวัน เฝ้าระวังอาการเจ็บป่วย ตรวจเชื้อ รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนได้ฉีดวัคซีน

สำหรับการติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในกรณีที่จำเป็น ได้แก่

            – ลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ที่ www.vaccinatecnmi.com

            – กรณีประสบเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ติดต่อหมายเลข ๙๑๑

            – กรณีมีอาการของการติดเชื้อโควิด-19 เช่น ไอ มีไข้ หายใจลำบาก หรือสูญเสียรสชาติหรือกลิ่น ให้ไปพบแพทย์ทันที หรือติดต่อ CHCC Tele-Triage หมายเลข (๖๗๐)๒๓๓-๒๐๖๗

            – กรณีมีข้อกังวลเกี่ยวกับการมีโอกาสติดเชื้อ สามารถติดต่อที่หมายเลข (๖๗๐) ๒๘๖-๑๗๑๐, (๖๗๐) ๒๘๖-๑๗๑๑ หรือ (๖๗๐) ๒๘๕-๑๙๔๒ หรือ ๒๘๗-๑๖๕๒ และ๒๘๗-๑๖๘๓ กรณีต้องการข้อแนะนำด้านสุขภาพจิตสามารถติดต่อหมายเลข (๖๗๐) ๒๘๔-๐๘๔๓ หรือ (๖๗๐) ๒๘๔-๐๘๔๗ ทุกวันเวลา ๐๘.๓๐ – ๑๕.๓๐ น.    

TOP