รมว.แรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ติดตามผลการดำเนินงานด้านแรงงาน รับฟังประเด็นปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมให้แรงงานนอกระบบ
เข้าสู่การเป็นแรงงานในระบบ โดยใช้แนวทางประชารัฐ ขับเคลื่อนประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0
นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานด้านแรงงานตามนโยบายรัฐบาล พร้อมรับฟังประเด็นปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ วันนี้ (23 มิ.ย. 60) โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า จังหวัดนครสวรรค์ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน เพราะเป็นชุมทางของคมนาคมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟ หรือทางน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของท่าข้าวกำนันทรง ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าข้าวแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศไทย เพราะความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ เมืองนครสวรรค์จึงเป็นเมืองเกษตรกรรมมาตั้งแต่ยุคต้นประวัติศาสตร์ ประชากรของจังหวัดส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งทั่วประเทศมีจำนวนไม่น้อยกว่า 21 ล้านคน กระทรวงแรงงานเองนอกจากจะดูแลแรงงานในระบบแล้ว ยังให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองแรงงานนอกระบบให้มีความมั่นคงในชีวิตด้วยเช่นกัน โดยกำหนดไว้ในแนวทางการปฏิรูปประเทศ ตามกรอบกระบวนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ที่ได้ตั้งเป้าหมายในการนำแรงงานนอกระบบเข้าสู่ในระบบให้มากที่สุด เพื่อให้เข้าถึงความคุ้มครองทางสังคม โดยใช้แนวทาง “ประชารัฐ” ดำเนินการภายใต้ “หลักการ 3 โอกาส” คือ โอกาสในการเริ่มต้น โอกาสในการพัฒนา และโอกาสที่จะป้องกัน เป็นแนวทางแบบองค์รวม ที่เน้นย้ำการจัดสรรแหล่งเงินทุน พัฒนาทักษะฝีมือ และการคุ้มครองทางสังคม ตลอดจนการพัฒนาด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน เพื่อให้แรงงานนอกระบบ มีชีวิตที่ดีขึ้น มีความปลอดภัยและมีการจ้างงานอย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบแนวทางการปฏิบัติราชการ แก่หัวหน้าส่วนราชการภูมิภาคในสังกัดกระทรวงแรงงานของเขตตรวจราชการที่ 18 ทั้ง 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร และอุทัยธานี โดยให้ข้าราชการกระทรวงแรงงาน น้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือ “ศาสตร์ของพระราชา” โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่าง ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ตลอดจนกระทรวงแรงงานได้ใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนวาระงานสีเขียว (Green Job) ควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 2030) โดยให้นำมายึดมั่นเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการ รวมทั้งนำหลักการทรงงานแบบ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” มาปรับใช้ กล่าวคือ ต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน รวมทั้งบริบทเฉพาะพื้นที่ เพื่อให้เข้าใจว่า ประชาชนมีความเดือดร้อนในเรื่องใด ต้องการให้ช่วยเหลือในเรื่องใดอย่างไรบ้าง ควรจะต้องเข้าถึงพื้นที่ เพื่อพบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ นำความช่วยเหลือและบริการไปให้อย่างทั่วถึง เท่าเทียมและเป็นธรรม เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุดตามความต้องการของประชาชนต่อไป
“นอกจากนี้ ผมได้เน้นย้ำให้หน่วยงานทั้ง 4 จังหวัด ได้เร่งรัดในการพัฒนาฝีมือดูแลแรงงานนอกระบบให้มากยิ่งขึ้น และให้รีบสร้างการรับรู้เรื่อง พรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้เป็นวันแรก เพราะหากผู้ใดที่จ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จะมีโทษปรับ 400,000 – 800,000 บาท ต่อการจ้างแรงงานต่างด้าว 1 คน ถือว่าเป็นโทษปรับที่สูงมาก” รมว.แรงงาน กล่าวในท้ายที่สุด
+++++++++++++++++++
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/
ปริยรณ พรหมสาขา ณ สกลนคร ข่าว/
สมภพ ศีลบุตร ภาพ/
23 มิถุนายน 2560



