Skip to main content

“บิ๊กอู๋”เผย 2 ศพแรงงานไทยกลับถึงภูมิลำเนาวันนี้ กำชับเงินชดเชยต้องถึงมือญาติครบถ้วน

รายละเอียดเนื้อหา

           รมว.แรงงาน เผย แรงงานไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอล 2 ราย จะส่งศพกลับภูมิลำเนาถึงไทยวันนี้ (17 ส.ค.61) กำชับเจ้าหน้าที่ดำเนินการจ่ายค่าชดเชยและสวัสดิการแก่ทายาทให้ครบถ้วนในทุกขั้นตอน




Preview

Download Images

          เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยในสังกัดกระทรวงแรงงานทั่วประเทศ เพื่อติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือส่งศพแรงงานไทยที่เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งจากข้อมูลของอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รายงานว่า กำหนดการส่งศพแรงงานไทย จำนวน 2 ราย คือ รายแรก นายณัฐชัย ป้องเศร้า อายุ 32 ปี เป็นชาวจังหวัดศีรษะเกษ แต่ได้มาอาศัยอยู่กับครอบครัวของภรรยาที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 3 ส.ค.61 ส่วนนายพรชัย พรมจันทร์ อายุ 43 ปี เป็นชาว จ.นครพนม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ส.ค.61 ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเช่นกัน โดยทั้งคู่เดินทางไปทำงานภาคเกษตรอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ประเทศอิสราเอล
           พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ยังกล่าวต่อว่า ศพแรงงานไทยทั้ง 2 รายจะถูกส่งกลับมาถึงประเทศไทยในวันนี้ (17 ส.ค.61) เวลา 15.00 น.ด้วยเที่ยวบิน LY081 จากนั้นเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานจะนำศพไปส่งตามที่ญาติระบุโดยศพของนายณัฐชัยฯ ญาติจะนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ อ.ราษีไศล จ.ศีรษะเกษ ส่วนนายพรชัยฯ ญาติจะนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.นครพนม ในเบื้องต้นทายาทของนายณัฐชัยจะได้รับเงินชดเชยเงินเดือนงวดสุดท้าย ค่าจ้างค้างจ่าย 95,000 บาท เงินสงเคราะห์กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนงานในต่างประเทศ 40,000 บาท เงินประกันสังคม 10,176 บาท เงินฌาปนกิจสงเคราะห์กองทุนหมู่บ้าน 55,000 บาท ส่วนทายาทของนายพรชัย จะได้รับเงินชดเชย เงินเดือนงวดสุดท้าย ค่าจ้างค้างจ่าย 190,000 บาท เงินสงเคราะห์กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนงานในต่างประเทศ 40,000 บาท เงินฌาปนกิจสงเคราะห์กองทุนหมู่บ้าน 15,000 บาท ทั้งนี้ รมว.แรงงาน ได้กำชับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้านการเงินซึ่งเป็นสวัสดิการที่ผู้ตายจะได้รับส่งถึงมือญาติให้ครบถ้วนทุกขั้นตอน
         พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่หญิงไทยขอรับการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ที่เมืองอุลซาน ห่างจากกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีราว 400 กิโลเมตร จากการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ สนร.โซล ทราบว่า หญิงไทยรายนี้เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมายไม่ผ่านระบบ EPS และเกิดอาการป่วย จนเพื่อนได้นำตัวส่งโรงพยาบาลดงกัง มหานครอุลซาน โดยแพทย์พบว่า ติดเชื้อในกระแสเลือดต้องพักรักษาตัวในห้องไอซียู และต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลราว 7,000,000 วอน คิดเป็นเงินไทยราว 210,000 บาท โดยญาติมาติดต่อขอรับการช่วยเหลือจากฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซลแล้ว คาดว่าทางกงสุลจะเจรจากับทางโรงพยาบาลเพื่อขอลดค่าใช้จ่ายให้บางส่วน สำหรับผู้ป่วยเมื่อรักษาสิ้นสุดหรือเมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ จะต้องเดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากลักลอบทำงานแบบผิดกฎหมาย
         รมว.แรงงาน ยังได้ย้ำเตือนแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศจะต้องไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะหากลักลอบไปทำงานแบบผิดกฎหมายจะไม่รับสิทธิประโยชน์ใด ๆ จากทางราชการทั้งกรณีเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต โดยผู้ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน


——————————————–


กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/
ชนินทร เพ็ชรทับ – ข่าว/
สนร.โซล,สนร.กรุงเทลอาวีฟ – ข้อมูล/
17 สิงหาคม 2561

TOP