.
26 พฤษภาคม 2568 – นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน หารือกับ นายสัณห์ อรุณรักษ์ติชัย รองผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป เพื่อขับเคลื่อนการเปิดตลาดแรงงานไทยในไต้หวันเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่กลุ่มอาชีพที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการ ได้แก่ ภาคบริการ ครูสอนมวยไทย และล่าม พร้อมผลักดันให้การรับรองฝีมือแรงงานของไทยเป็นที่ยอมรับในเวทีสากล พร้อมทั้ง ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานในต่างประเทศแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) ไทเป และ สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) สาขาเมืองเกาสง ณ สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) ไทเป โดยมี นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน นายทศพล สุมานนท์ นายณัฐชยวัศ สงวนไชยกฤษณ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ไทเป และเมืองเกาสง เข้าร่วมด้วย
.
ปลัดบุญสงค์ กล่าวว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในไต้หวันกว่า 73,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมและก่อสร้าง แต่ตลาดยังมีศักยภาพอีกมาก โดยเฉพาะในภาคบริการ เช่น พนักงานโรงแรม แม่บ้าน และพนักงานนวด ซึ่งยังขาดแคลนแรงงาน แต่ติดข้อจำกัดว่าเป็นอาชีพสงวน กระทรวงแรงงานไทยจึงเร่งเจรจาให้ทางการไต้หวันผ่อนคลายข้อจำกัด เพื่อเปิดโอกาสแรงงานไทยที่มีมาตรฐานฝีมือและผ่านการฝึกอบรมโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
.
อีกหนึ่งไฮไลต์ คือการผลักดันอาชีพ “ครูสอนมวยไทย” ซึ่งเป็นที่นิยมในไต้หวัน ปัจจุบันมีค่ายมวยกว่า 100 แห่ง แต่ยังขาดบุคลากรที่มีใบรับรองอย่างเป็นทางการ ไทยจึงเสนอใช้มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานด้วย เพื่อให้ครูมวยไทยเข้าสู่ตลาดได้ถูกต้องและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น พร้อมขยาย Soft Power ของประเทศไทย
.
ปลัดบุญสงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังเตรียมผลักดันการจัดหาล่ามไทยให้กับบริษัทจัดหางานในไต้หวัน เนื่องจากบทบาทของล่ามสำคัญต่อการดูแลแรงงานและการสื่อสารกับนายจ้าง โดยจะส่งเสริมให้นักเรียนไทยในไต้หวันเข้าร่วม พร้อมฝึกอบรมทักษะภาษาจีนเพิ่มเติมจากไทย
.
อีกส่วนหนึ่ง คือการต่อยอดโอกาสให้แรงงานไทยที่ครบสัญญาจ้างในไต้หวัน ได้มีทางเลือกทำงานในบริษัทไต้หวันที่มาลงทุนในประเทศไทยซึ่งขณะนี้มีอยู่จำนวนมาก โดยเปิดรับสมัครผ่านกรมการจัดหางาน ซึ่งจะช่วยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และทักษะภาษาที่แรงงานสะสมมาจากไต้หวันได้อย่างคุ้มค่า
.
ปลัดบุญสงค์ ย้ำข้อเสนอสำคัญ คือ ขอความร่วมมือพี่น้องแรงงาน อย่าหลงเชื่อกลุ่มชักชวนให้ลักลอบเดินทางไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อทั้งตัวแรงงานเองและครอบครัวอย่างร้ายแรง อาจเสี่ยงต่อการถูกจับกุม ถูกหลอกลวง หรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง ที่สำคัญคือ แรงงานจะไม่ได้รับสิทธิและสวัสดิการใด ๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ประกันชีวิต หรือเงินสะสมตามกฎหมายแรงงานของประเทศนั้น ๆ
.
“ทั้งหมดนี้คือการทำงานเชิงรุกของกระทรวงแรงงาน ภายใต้นโยบายของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ต้องการเพิ่มโอกาสให้แรงงานไทยมีงานดี รายได้มั่นคง และขยายตลาดต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ” ปลัดบุญสงค์ กล่าวปิดท้าย























