Skip to main content

พงศ์กวิน’ สั่งด่วน ‘ตั้งวอร์รูม’ รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา ดูแลแรงงาน-นายจ้างที่ได้รับผลกระทบ

รายละเอียดเนื้อหา

          วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.30 น. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างประเทศกัมพูชา-ไทย โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสันติ นันตสุวรรณ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายเกริกไกร นาสมยนต์ ที่ปรึกษากฎหมาย นายณัฐวุฒิ ภัทรประยูร ที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน นางสาวกรจิรัฏฐ์ พงจันทร์ศธร ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน โดยนายพงศ์กวิน ได้ประชุมผ่านระบบทางไกล (Video Conference) กับ หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดจ.อุบลราชธานี จ.สุรินทร์ จ.ศรีษะเกษ จ.บุรีรัมย์ และจ.สระแก้ว โดยมีผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

          นายพงศ์กวิน ได้เปิดเผยถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น ว่าตนมีความห่วงใย
จึงได้สั่งการด่วนให้มีการประชุม ฯ ดังกล่าว เพื่อเตรียมการซักซ้อมมาตรการฉุกเฉิน รับมือกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้น โดยตนได้มีข้อสั่งการ จำนวน 5 ข้อ คือ 1. ให้ 5 เสือแรงงานในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาเฝ้าระวังสถานการณ์และความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และให้รายงานตลอดระยะเวลาในกลุ่มไลน์ “รายงานสถานการณ์การสู้รบระหว่างประเทศกัมพูชา – ไทย” 2. ให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดและสำนักงานจัดหางานจังหวัดประสานนายจ้างที่มีลูกจ้างชาวกัมพูชาเฝ้าระวังการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้นในหมู่แรงงาน 3. ให้ 5 เสือแรงงานประสานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ตลอดระยะเวลาอย่างใกล้ชิด 4.ให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พนักงานราชการ บัณฑิตแรงงาน และอาสาสมัครแรงงาน งดเว้นการเดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยงตามที่ฝ่ายความมั่นคงกำหนด และห้ามหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานเดินทางออกนอกพื้นที่ รวมถึง ขอให้มีการแจ้งเตือนไปยัง ผู้ใช้แรงงานในพื้นที่ รวมทั้ง แรงงานกัมพูชาว่าให้ออกจากพื้นที่ด้วย และ 5. ให้จังหวัดจัดตั้ง War room ติดตามสถานการณ์ ในส่วนของจังหวัดเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์ด้านแรงงาน กรณีมีเหตุการณ์ความรุนแรนแรงในพื้นที่ให้รายงานมาที่ศูนย์ ฯ

           นายพงศ์กวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ลูกจ้างที่บาดเจ็บ และเสียชีวิต จากเหตุดังกล่าว จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย โดยหากเกิดในระหว่างการทำงาน จะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน และหากไม่ได้เกิดในระหว่างการทำงานจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม ในส่วนลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จากเหตุดังกล่าว จะได้รับเงินชดเชยกรณี ว่างงาน เช่นกัน สำหรับ แรงงานไทยที่เดินทางไปต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านกรมการจัดหางาน จะประชาสัมพันธ์ให้ดาวโหลด แอพพลิเคชั่น SMART TOEA ก่อนเดินทางไปทำงาน เพื่อให้ทราบพิกัดของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ โดยตัวเลขแรงงานกัมพูชาที่ทำงานอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทยปัจจุบันมีจำนวน 594,598 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ระยอง และนนทบุรี ขณะที่ปัจุบัน มีแรงงานไทยอยู่ในกัมพูชา จำนวน 5 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตาม คนไทย 5 คนที่อยู่กัมพูชา ว่าปลอดภัยดีหรือไม่ และต้องการรับการสนับสนุนเรื่องใดบ้าง

TOP