มูลนิธินวัตกรรมทางสังคมและคณะ เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แสดงความยินดีโอกาสเข้ารับตำแหน่งและหารือแผนขยายโอกาสงานและอาชีพของคนพิการ ปี 2563 – 2564 รองรับสถานการณ์โควิด – 19
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมและคณะ ขอเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีและหารือแผนขยายโอกาสงานและอาชีพของคนพิการ ปี 2563 – 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์โควิด – 19 ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ฝากผมให้มาแก้ไขปัญหาแรงงานโดยเฉพาะ การที่ผู้แทนมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมและคณะมาขอเข้าพบในวันนี้ เนื่องจากพวกเขาและภาคีร่วมขับเคลื่อนได้ประสานให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการกว่า 6,000 คน เข้าถึงการมีอาชีพและมีงานทำเพื่อการพึ่งพาตนเองในภูมิลำเนาของตัวเอง ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ เป็นหัวหน้าผู้ใช้แรงงาน จะต้องลงมารับฟังสภาพปัญหาและร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันของทุกฝ่าย สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการในวันนี้ คือ การจัดงาน JOB EXPO THAILAND 2020 ขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2563 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เพื่อให้ผู้ที่กำลังตกงาน ว่างงาน ได้พบกับผู้ประกอบการเพื่อ Matching ตำแหน่งงานว่างให้ได้ตามที่ต้องการ โดยภายในงานมีตำแหน่งงานว่างทั้งสิ้น 1,000,000 อัตราโดยผู้แทนมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมได้มีข้อเสนอกระทรวงแรงงานเพื่อเพิ่มการจ้างงานและมีอาชีพของคนพิการ 10,000 คน ภายใน 6 เดือน โดยดำเนินการเชิงรุก เพื่อเข้าถึงสถานประกอบการที่ยังจ้างคนพิการไม่ครบตามกฎหมายกำหนดและมีการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 กว่า 15,000 อัตรา ให้เปลี่ยนมาสนับสนุนการจ้างงานคนพิการเชิงสังคมและหรือให้ทุนสนับสนุนการประกอบอาชีพตามมาตรา 35 ให้ได้ตามเป้าหมายข้างต้น สำนักงานจัดหางานพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รับขึ้นทะเบียนการขอใช้สิทธิตามมาตรา 35 จากคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ให้คำแนะนำและตรวจสอบเอกสารประกอบการใช้สิทธิดังกล่าวให้มีความถูกต้องครบถ้วน พร้อมทั้งบันทึกข้อมูลทะเบียนการขอใช้สิทธิตามมาตรา 35 ในระบบออนไลน์ของกรมการจัดหางาน รวมทั้งขยายเวลาการขออนุญาตดำเนินการตามมาตรา 35 ออกไปอีก 3 เดือน เพื่อให้มีเวลาดำเนินการเพียงพอ
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีคนพิการในวัยทำงานกว่า 500,000 คน ที่ยังเข้าไม่ถึงโอกาสงานและอาชีพ ในขณะที่มีสถานประกอบการที่ยังไม่สามารถจ้างคนพิการได้ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดและส่งเงินสมทบกองทุนรวมกว่า 1,700 ล้านบาทในปี 2562 คิดเป็นโอกาสงานของคนพิการที่สูญเปล่ากว่า 15,000 อัตรา ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถแปลงมาเป็นการจ้างงานคนพิการเชิงสังคมได้ทันที หากมีการขยายผลการขับเคลื่อนเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง และภาครัฐที่รับผิดชอบกำหนดเป็นเป้าหมายที่ต้องดำเนินการให้บรรลุผลอย่างเร่งด่วน โดยมีภาคีเครือข่ายร่วมปฏิบัติงานสนับสนุนอีกด้วย
