Skip to main content

รมว.สุชาติ หารือ รมว.แรงงาน มาเก๊า ปั้นแรงงานภาคบริการส่งออกตลาดมาเก๊าเพิ่ม

รายละเอียดเนื้อหา

            วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายจาตุรนต์ ไชยะคำ กงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมการประชุมหารือข้อราชการร่วมกับ นาย เล่ย ไหว่ น่อง (Mr. Lei Wai Nong) รัฐมนตรีว่การกระทรวงแรงงานมาเก๊า เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบุคลากรด้านแรงงานฝีมือและประสบการณ์ในการดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานต่างชาติในมาเก๊าและไทย

            นายสุชาติ กล่าวว่า ในโอกาสที่มาเก๊าได้มีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้า-ออกเมืองในครั้งนี้ ผมและคณะจึงถือโอกาสเดินทางเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินของมาเก๊า เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านแรงงาน รวมทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบุคลากรด้านแรงงานฝีมือและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานต่างชาติในมาเก๊าและไทย ซึ่งต้องขอขอบคุณที่ทางรัฐบาลมาเก๊าได้อนุญาตให้มีการจ้างงานแรงงานไทยภาคบริการ มาอย่างต่อเนื่อง เช่น พนักงานต้อนรับ พนักงานเสริฟ พนักงานทำความสะอาด พ่อครัว พนักงานนวดสปา และอื่น ๆ ด้วยวิธีรัฐจัดส่ง ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือดูแลแรงงานไทยในมาเก๊าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

            รมว.สุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการขยายตลาดแรงงานในมาเก๊า ผมได้เสนอให้เกิดการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่าง 2 ฝ่าย เพื่อฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกัน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการฝึกทักษะแรงงานในสาขาที่แต่ละฝ่ายมีความเชี่ยวชาญระหว่างกัน โดยในเบื้องต้นได้ขอให้ฝ่ายมาเก๊าพิจารณาจ้างแรงงานไทยภาคบริการ ซึ่งประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนในการจัดอบรมพัฒนาฝีมือ ทักษะภาษา เพื่อให้แรงงานไทยมีความสามารถ/ยกระดับฝีมือเพื่อส่งต่อให้ภาคธุรกิจ เพื่อให้เกิดการทำงานและการจ้างงาน แบบยั่งยืนเป็นการวินวินของทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

            “กระทรวงแรงงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเยือนครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเก๊าที่จะได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและและสานต่อความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ฝ่าย ให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเป็นการส่งเสริมความร่วมมือภาคแรงงานเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยสามารถตอบสนองอุปสงค์และอุปทานของแต่ละฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป” รมว.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

————————

กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

TOP