วันที่ 6 มกราคม 2564 ทีมงานสนร.เกาสง ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เกาสง เพื่อสุ่มตรวจสถานประกอบการและพบปะเยี่ยมเยียนแรงงานไทย บริษัท Nan Liu Enterprise Co.,Ltd. เขตเฉี่ยวโถว เมืองเกาสง ประกอบกิจการผลิต หน้ากากอนามัย ผลิตภัณฑ์มาสก์หน้า ผ้าเปียก เครื่องสำอางชั้นนำ อาทิ DOVE SHIZEDO ซึ่งปัจจุบันจ้างแรงงานไทย จำนวน 80 คน ทำงานในโรงงาน 2 แห่ง ทั้งนี้ ได้ขยายกิจการไปตั้งในประเทศจีน และอินเดีย นอกจากนี้ ได้หารือแนวทางการจ้างแรงงานไทยแบบจ้างตรง เพื่อขยายตลาดแรงงานไทย ตามนโยบายของรัฐบาล ที่เน้นแรงงานที่มีทักษะฝีมือ และได้รับความคุ้มครองดูแลตามกฎหมาย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของแรงงานไทย
โดย Dr. Chin-San Huang ประธานบริษัท Nan Liu Enterprise Co.,Ltd. แจ้ง สนร.เกาสงว่า “ที่บริษัทเน้นคนงานไทยมาก เพราะคนไทยทำงานดี ขยัน ตั้งใจทำงานมาก อีกทั้ง เห็นว่าประเทศไทยมี ระบบการบริหารจัดการ ด้านแรงงานที่ดี และเจ้าหน้าที่ประเทศไทยดูแลแรงงานได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ สำหรับการดูแลแรงงานไทยนั้น ทางบริษัทฯเน้นดูแลแรงงานไทยอย่างเท่าเทียม และได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียว กับแรงงานท้องถิ่นเพราะตระหนักเสมอว่าแรงงานไทยคือกำลังแรงงานที่สำคัญของประเทศไต้หวันในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ต้องเร่งกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย อย่างไรก็ดี ในส่วนของการขยายการลงทุนในประเทศไทยนั้น หากมีโอกาสเปิดโรงงานตั้งใจจะชวนแรงงานไทย ที่เคยทำงานในไต้หวันรุ่นแรกกลับมาทำงานให้บริษัทอีก เนื่องจากเป็นกลุ่มแรงงานที่มีประสิทธิภาพและขยัน ทุ่มเทมาก และในอนาคตตั้งใจจะจ้างแรงงานไทยเพิ่มเติมทดแทนแรงงานชาติอื่นที่ใกล้จะครบสัญญา ”
ทั้งนี้ แรงงานไทยที่บริษัทดังกล่าว ได้รับสวัสดิการที่ดี มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 36,000 – 40,000 เหรียญไต้หวัน ส่งเงินกลับบ้านเดือนละ ประมาณ 20,000 – 30,000 เหรียญไต้หวัน
ทีมงานได้นำเสนอข้อมูลของระบบจ้างตรงและการจัดส่งโดยรัฐ เพื่อให้นายจ้างทราบรายละเอียดเบื้องต้น แนะนำแนวทางการคัดเลือกแรงงานไทยมาทำงานในไต้หวันผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศผ่านระบบ ZOOM หรือช่องทางวีดิโอคอนเฟอร์เรต เพื่อเป็นทางเลือกในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และได้ขอบคุณนายจ้างที่ดูแลและเอาใจใส่แรงงานไทยเป็นอย่างดี
