สื่อทางการ (https://www.news.gov.hk/eng และ https://www.info.gov.hk/gia/general ) แจ้งว่า ทางการฮ่องกงประกาศผ่อนคลายมาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคมโดยใช้ “vaccine bubble” เป็นพื้นฐาน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ ๒๙ เมษายน ถึงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รายละเอียด ดังนี้
๑.๑) รูปแบบการดำเนินการแบบ A: ร้านอาหารสามารถให้บริการทานอาหารได้ในเวลา ๐๕.๐๐- ๑๗.๕๙ น. ทุกวันโดยมีจำนวนลูกค้าในร้านแต่ละครั้งไม่เกิน ๕๐% ของความจุของที่นั่งปกติ และนั่งรวมกันไม่เกิน ๒ คนในโต๊ะเดียวกัน
๑.๒) รูปแบบการดำเนินการแบบ B: ผู้รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารต้องใช้มาตรการควบคุมการติดเชื้อที่ต้องแน่ใจว่าลูกค้า (ยกเว้นผู้ซื้อกลับบ้าน) ได้สแกนรหัส QR “LeaveHomeSafe” บนโทรศัพท์มือถือหรือลงทะเบียนชื่อหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อและวัน เวลาก่อนได้รับอนุญาตเข้าร้าน และจัดให้พนักงานที่เกี่ยวข้องตรวจเชื้อทุก ๑๔ วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๔ (หรือได้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ครบแล้ว) ร้านอาหารสามารถให้บริการได้ตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐- ๒๑.๕๙ น. ทุกวันโดยมีจำนวนลูกค้าในร้านแต่ละครั้งไม่เกิน ๕๐% ของความจุของที่นั่งปกติ และนั่งรวมกันไม่เกิน ๔ คนในโต๊ะเดียวกัน
๑.๓) รูปแบบการดำเนินการแบบ C: ผู้รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคนได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 เข็มแรก โดยสามารถกำหนดพื้นที่ทั้งหมดหรือบางส่วนเป็น “โซน C” ซึ่งต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าทั้งหมดในโซน C ได้สแกนรหัส QR “LeaveHomeSafe” บนโทรศัพท์มือถือ ร้านอาหารสามารถให้บริการได้ตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐- ๒๓.๕๙ น. ทุกวันโดยมีจำนวนลูกค้าในร้านแต่ละครั้งไม่เกิน ๕๐% ของความจุของที่นั่งปกติ และนั่งรวมกันไม่เกิน ๖ คนในโต๊ะเดียวกัน
๑.๔) รูปแบบการดำเนินการแบบ D: ผู้รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ครบถ้วนแล้ว (โดยทั่วไปหมายถึงได้รับวัคซีนครบ ๒ ครั้งและบวกเวลาเพิ่มอีก ๑๔ วัน) ซึ่งสามารถกำหนดพื้นที่ทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นโซน D และต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกและสแกน QR “LeaveHomeSafe” บนโทรศัพท์มือถือ ร้านอาหารสามารถให้บริการได้ทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐- ๐๑.๕๙ น.
ของวันถัดไปโดยมีจำนวนลูกค้าในร้านแต่ละครั้งไม่เกิน ๗๕ % ของความจุของที่นั่งปกติ และนั่งรวมกันไม่เกิน ๘ คนนั่งในโต๊ะเดียวกัน
๑.๕) ภายใต้รูปแบบการดำเนินงานแบบ A, B และ C จำนวนผู้ร่วมในงานเลี้ยงครั้งใดครั้งหนึ่งต้องไม่เกิน ๒๐ คน และภายใต้รูปแบบการดำเนินการแบบ D จำนวนผู้ร่วมงานเลี้ยงสูงสุดใน “โซนที่กำหนด” สามารถเพิ่มได้ถึง ๑๐๐ คนผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงมากกว่า ๒๐ คนจะต้องได้รับวัคซีนเข็มแรก
๑.๖) ภายใต้รูปแบบการดำเนินการแบบ C และ D พนักงานที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนเนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพจะต้องส่งแบบฟอร์มตามประกาศและใบรับรองแพทย์ต่อนายจ้างและตรวจเชื้อทุก ๗ วัน
๑.๗) ข้อกำหนดในการใช้แอปพลิเคชันมือถือ “LeaveHomeSafe” ภายใต้รูปแบบการดำเนินงานแบบ C และ D ผู้ที่มีอายุ ๑๕ ปีหรือต่ำกว่าที่มาพร้อมกับผู้ใหญ่ รวมถึงผู้ที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไปจะได้รับการยกเว้นแต่ต้องให้ข้อมูลการมาใช้บริการในแบบฟอร์มที่กำหนด
๒) บาร์และผับ สามารถเปิดได้ หากผู้รับผิดชอบได้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า พนักงานและลูกค้าทุกคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19เข็มแรกและทุกคนสแกนคิวอาร์โค้ด “LeaveHomeSafe” บนโทรศัพท์มือถือ และอาจเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ เวลา๐๕.๐๐- ๐๑.๕๙ น. ของวันถัดไปโดยมีจำนวนลูกค้าไม่เกิน ๕๐% ของความจุของที่นั่งปกติ และนั่งไม่เกิน ๒ คนในโต๊ะเดียวกัน
๓) สถานที่ที่สามารถเปิดให้บริการได้ หากมีการดำเนินการตามรูปแบบการดำเนินงานที่กำหนด ได้แก่ โรงอาบน้ำ ห้องปาร์ตี้หรือสถานที่เช่าเพื่อจัดงานสังสรรค์ คลับหรือไนต์คลับ ร้านคาราโอเกะ และสถานที่เล่นไพ่นกกระจอก ซึ่งพนักงานต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก หรือกรณีไม่สามารถฉีดได้เนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพจะต้องส่งแบบฟอร์มตามประกาศและแสดงใบรับรองแพทย์ต่อนายจ้างและตรวจเชื้อทุก ๗ วัน โดยลูกค้าต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก (ยกเว้นสถานที่เล่นไพ่นกกระจอก) และลูกค้าทุกคนต้องสแกนคิวอาร์โค้ด “LeaveHomeSafe” บนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีรูปแบบการดำเนินงานดังนี้
๓.๑ ) โรงอาบน้ำ ห้องปาร์ตี้ คลับหรือไนท์คลับ และร้านคาราโอเกะ สามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐- ๐๑.๕๙ น.ของวันถัดไป โดยสถานที่เล่นไพ่นกกระจอกจะปิดให้บริการในเวลา ๒๓.๕๙ น.
๓.๒ ) คลับหรือไนต์คลับ สามารถนั่งรวมกันได้ไม่เกิน ๒ คนในโต๊ะเดียวกัน
๓.๓ ) ห้องปาร์ตี้ จำนวนคนสูงสุดที่อนุญาตในแต่ละห้องคือ ๔ คน
๓.๔ ) ร้านคาราโอเกะ จำนวนคนสูงสุดที่อนุญาตให้นั่งรวมกันได้ไม่เกิน ๔ คน ในโต๊ะเดียวกัน และ
๓.๕) จำนวนลูกค้าในแต่ละครั้งต้องไม่เกิน ๕๐% ของความจุปกติของสถานที่ (ยกเว้นโรงอาบน้ำ)
๓.๖) ผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจตามที่กำหนดหากฝ่าฝืนข้อกำหนด มีความผิดทางอาญา จะถูกปรับสูงสุด ๕๐,๐๐๐ เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท และจำคุกเป็นเวลา ๖ เดือน สำหรับผู้ที่อยู่ในร้านหรือสถานที่ที่กำหนด หากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำที่เกี่ยวข้องจะมีความผิดและจะถูกปรับสูงสุด ๑๐,๐๐๐ เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ ๔๐,๐๐๐ บาท สำหรับการฝ่าฝืนข้อกำหนดการรวมกลุ่มในสถานที่ที่กำหนดดังกล่าวจะถูกปรับคงที่ในอัตรา ๕,๐๐๐ เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท โดยมีผลในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๔
๔) การรวมกลุ่ม ยังคงห้ามไม่ให้มีการรวมกลุ่มมากกว่า ๔ คนในที่สาธารณะต่อไปเว้นแต่จะได้รับการยกเว้น ภายใต้ “vaccine bubble” ดังนี้
๔.๑) ทัวร์ท้องถิ่น ที่รวมกลุ่มไม่เกิน ๓๐ คนโดยบริษัทท่องเที่ยวที่ได้รับอนุญาตและจดทะเบียนอย่างถูกต้องซึ่งพนักงานที่ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง ต้องได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วหรือกรณีมีปัญหาสุขภาพไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ต้องส่งแบบฟอร์มตามประกาศและแสดงใบรับรองแพทย์ต่อนายจ้างและตรวจเชื้อก่อนรับลูกทัวร์ ๗ วัน
๔.๒) การรวมกลุ่มที่จะมีการผ่อนคลาย ผู้ที่เข้าร่วมกลุ่มที่มีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไปต้องได้รับการฉีดวัคซีนเชื้อโควิด-19 เข็มแรกหรือกรณีมีปัญหาสุขภาพไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ต้องส่งแบบฟอร์มตามประกาศและแสดงใบรับรองแพทย์ต่อนายจ้างและตรวจเชื้อภายใน ๑๔วันก่อนเข้าร่วมการรวมกลุ่ม ได้แก่
ก. พิธีแต่งงานที่ไม่มีการเสิร์ฟอาหารหรือเครื่องดื่ม (ยกเว้นเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา) เพิ่มจำนวนคนที่ได้รับอนุญาตจาก ๒๐ คนเป็น ๕๐ คนสำหรับสถานที่ในที่ร่ม และ ๑๐๐ คนในที่กลางแจ้ง
ข. การประชุมทางธุรกิจที่จัดขึ้นตามกฎหมายหรืออื่น ๆ (เช่นการประชุมสามัญประจำปี) จะเพิ่มจำนวนคนจาก ๒๐ คนเป็น ๕๐ คนสำหรับสถานที่ในที่ร่มและ ๑๐๐ คนในสถานที่กลางแจ้ง
ค. การชุมนุมทางศาสนาที่ไม่มีการเสิร์ฟอาหารหรือเครื่องดื่ม (ยกเว้นเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา)จำนวนคนที่ได้รับอนุญาตในแต่ละครั้งจะเพิ่มขึ้นจาก ๓๐% เป็น ๕๐% ของความจุปกติของสถานที่ในที่ร่มและ ๑๐๐% สำหรับสถานที่ในที่ร่มและ ๑๐๐% สำหรับสถานที่กลางแจ้ง
ง. ผู้ที่มีส่วนร่วมในการรวมกลุ่มที่ต้องห้าม จัดการชุมนุมกลุ่มที่ต้องห้าม เป็นเจ้าของควบคุมหรือดำเนินการสถานที่ชุมนุมดังกล่าว และจงใจให้มีการการชุมนุมดังกล่าวมีความผิด โทษปรับสูงสุด ๒๕,๐๐๐ เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ บาท และจำคุกเป็นเวลา ๖ เดือน บุคคลที่มีส่วนร่วมในการรวมกลุ่มอาจต้องจ่ายค่าปรับคงที่ ๕,๐๐๐ เหรียญฮ่องกงหรือประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท
๕) การสวมหน้ากากอนามัย ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อขึ้นเครื่องหรืออยู่ในระบบขนส่งสาธารณะพื้นที่ที่ชำระเงินของ MTR หรือในพื้นที่สาธารณะตามที่กำหนด กรณีฝ่าฝืนอาจถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นรถ หรือขนส่งสาธารณะหรือห้ามเข้าไปในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้ผู้นั้นสวมหน้ากากอนามัย และลงจากสายการบิน หรือออกจากพื้นที่ดังกล่าว ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษสูงสุดคือปรับระดับ ๓ (๑๐,๐๐๐ เหรียญดอลล่าร์หรือประมาณ ๔๐,๐๐๐ บาท) นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อาจออกประกาศเกี่ยวกับบทลงโทษคงที่แก่ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยตามข้อกำหนดโดยจ่ายค่าปรับคงที่ ๕,๐๐๐ เหรียญดอลล่าร์หรือประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท