Skip to main content

สื่อทางการ (https://www.news.gov.hk/eng/และhttps://www.info.gov.hk/gia/general/) รายงานข่าวที่เกี่ยวมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

รายละเอียดเนื้อหา

สื่อทางการ (https://www.news.gov.hk/eng/และhttps://www.info.gov.hk/gia/general/) รายงานข่าวที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

    ๑.๑ ทางการฮ่องกงกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าฮ่องกงตามแนวทาง “ฟองสบู่วัคซีน” (vaccine bubble) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เที่ยวคืนของวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ดังนี้

          ก. มาตรการควบคุมเขตแดนสำหรับต่างประเทศ

              ผู้ที่ขึ้นเครื่องสำหรับเที่ยวบินไปฮ่องกงจากต่างประเทศต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดพื้นฐาน ๓ ประการ ได้แก่         

              (๑) หลักฐานที่ต้องแสดงก่อนขึ้นเครื่องได้แก่  ผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ ซึ่งเป็นการทดสอบกรดนิวคลีอิกจากปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส (PCR) สำหรับเชื้อโควิด-19 ที่ดำเนินการภายใน ๗๒ ชั่วโมงก่อนกำหนดออกเดินทางของเครื่องบินและหลักฐานการจองห้องพักโรงแรมกักตัวตามที่กำหนด

             (๒) อยู่ภายใต้การจัดการ “ตรวจและรอผล” ที่สนามบินเมื่อเดินทางมาถึงฮ่องกง และ

             (๓) เมื่อผลการตรวจเป็นลบ ให้ขึ้นรถขนส่งตามที่รัฐบาลกำหนดเพื่อไปยังโรงแรมกักตัว

         ข. การเตรียมการขึ้นเครื่อง การกักกัน และการทดสอบล่าสุดมีดังนี้

             (๑) กลุ่มประเทศที่มีอยู่เดิม ๒ กลุ่ม คือ กลุ่ม A1 (ความเสี่ยงสูงมาก) และกลุ่ม A2 (มีความเสี่ยงสูงมาก) จะถูกรวมเป็นกลุ่มเดียวกันคือ กลุ่ม A (ความเสี่ยงสูง) ซึ่งได้แก่ ประเทศบราซิล อินเดีย อินโดนีเซีย ไอร์แลนด์ เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ รัสเซีย แอฟริกาใต้ และสหราชอาณาจักร โดยผู้เดินทางที่อยู่ในประเทศกลุ่ม A เกินกว่า ๒ ชั่วโมงในวันที่ขึ้นเครื่องหรือในช่วง ๒๑ วันก่อนเดินทางจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเที่ยวบินใด ๆ สำหรับฮ่องกง ยกเว้นผู้ที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดพื้นฐาน ๓ ข้อดังกล่าวและตามเงื่อนไขเพิ่มเติม ได้แก่

                  (ก) ผู้อยู่อาศัยในฮ่องกงที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนและได้แสดงบันทึกการฉีดวัคซีนที่เป็นที่ยอมรับ (เช่น บันทึกการฉีดวัคซีนที่ออกโดยสถาบันดูแลสุขภาพหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ หรือประเทศที่มีหน่วยงานซึ่งองค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นหน่วยงานกำกับดูแล) หรือ

                  (ข) เดินทางกับเด็กที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงซึ่งมีอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี หากผู้ใหญ่ที่เดินทางด้วยปฏิบัติตามเงื่อนไข (ก) ตามที่ระบุไว้ข้างต้น

               ผู้เดินทางขาเข้าเบื้องต้นที่ได้อยู่ในประเทศกลุ่ม A จะต้องปฏิบัติตามการจัดการการกักกันตัวดังนี้ 

                  (ก) ผ่านการกักกันตัวภาคบังคับเป็นเวลา ๒๑ วันในโรงแรมกักตัว

                  (ข) ผ่านการตรวจเชื้อ ๔ ครั้งระหว่างการกักกันตัวภาคบังคับ

                  (ค) การตรวจสอบตนเองใน ๗ วันต่อมา และ

                  (ง) เข้ารับการตรวจเชื้อภาคบังคับในศูนย์ทดสอบชุมชนในวันที่ ๒๖ ของวันที่เดินทางมาถึงฮ่องกง

               (๒) กลุ่มประเทศที่ระบุของกลุ่ม B (ความเสี่ยงสูง) และประเทศของกลุ่ม C (ความเสี่ยงปานกลาง) จะถูกรวมเป็นกลุ่มเดียวกันคือ กลุ่ม B (มีความเสี่ยงปานกลาง) ได้แก่ ประเทศทั้งหมด(รวมประเทศไทย) นอกจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งไม่อยู่ในกลุ่ม A หรือ C โดยผู้เดินทางขาเข้าที่อยู่ในประเทศกลุ่ม B และไม่ได้อยู่ในประเทศกลุ่ม A ในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง จะต้องปฏิบัติตามการจัดการการกักกันตัวดังต่อไปนี้

                 (ก) ผ่านการกักกันตัวภาคบังคับเป็นเวลา ๒๑ วันในโรงแรมกักตัว และ

                 (ข) ผ่านการตรวจเชื้อ ๔ ครั้งระหว่างการกักกันตัวภาคบังคับ

               ผู้เดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนจะต้องแสดงบันทึกการฉีดวัคซีนก่อนขึ้นเครื่อง และอยู่ภายใต้ระยะเวลากักกันตัวที่สั้นลง ซึ่งมีการจัดการการกักกันตัว ดังนี้

                 (ก) ผ่านการกักกันตัวภาคบังคับเป็นเวลา ๑๔ วันในโรงแรมกักกันตัว

                 (ข) ผ่านการตรวจเชื้อ ๓ ครั้งระหว่างการกักกันตัวภาคบังคับ

                 (ค) การตรวจสอบตนเองใน ๗ วันต่อมา และ

                 (ง) เข้ารับการตรวจเชื้อภาคบังคับในวันที่ ๑๖ และ ๑๙ ของวันที่เดินทางมาถึงฮ่องกง

               ผู้เดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนและมีผลการทดสอบแอนติบอดีต่อซีรัมวิทยาที่ออกโดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลฮ่องกงภายใน ๓ เดือนที่ผ่านมาจะต้องแสดงทั้งบันทึกการฉีดวัคซีนและหลักฐานผลการทดสอบแอนติบอดีในซีรัมวิทยาที่ได้รับการยอมรับเมื่อขึ้นเครื่อง โดยอยู่ภายใต้ระยะเวลากักกันตัวที่สั้นลง ซึ่งมีการจัดการการกักกันตัวดังนี้ 

                  (ก) ผ่านการกักกันตัวภาคบังคับเป็นเวลา ๗ วันในโรงแรมกักตัว

                  (ข) ผ่านการตรวจเชื้อ ๒ ครั้งระหว่างการกักกันตัวภาคบังคับ

                  (ค) การตรวจสอบตนเองใน ๗ วันต่อมา และ

                  (ง) ผ่านการตรวจเชื้อภาคบังคับในวันที่ ๙, ๑๒, ๑๖ และ ๑๙ ของวันที่เดินทางมาถึงฮ่องกง

              (๓) กลุ่มประเทศที่ระบุเป็นกลุ่ม D (ความเสี่ยงต่ำ) จะถูกเปลี่ยนเป็นกลุ่ม C (ความเสี่ยงต่ำ) ได้แก่ ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยผู้เดินทางขาเข้าที่ได้อยู่ในประเทศกลุ่ม C ในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง จะต้องปฏิบัติตามการจัดการการกักกันตัวดังนี้

                   (ก) ผ่านการกักกันตัวภาคบังคับเป็นเวลา ๑๔ วันในโรงแรมกักตัว

                   (ข) ผ่านการตรวจเชื้อ ๓ ครั้งระหว่างการกักกันตัวภาคบังคับ

                   (ค) การตรวจสอบตนเองใน ๗ วันต่อมา และ

                   (ง) เข้ารับการทดสอบภาคบังคับในวันที่ ๑๖ และ ๑๙ ของวันที่เดินทางมาถึงฮ่องกง

               ผู้เดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนจะต้องแสดงบันทึกการฉีดวัคซีนที่ขึ้นเครื่อง โดยอยู่ภายใต้ระยะเวลากักกันตัวที่สั้นลง ซึ่งมีการจัดการการกักกันตัวดังนี้

                  (ก) ผ่านการกักกันตัวภาคบังคับเป็นเวลา ๗ วันในโรงแรมกักตัว

                  (ข) ผ่านการตรวจเชื้อ ๒ ครั้งระหว่างการกักกันตัวภาคบังคับ

                  (ค) การตรวจสอบตนเองใน ๗ วันต่อมา และ

                  (ง) เข้ารับการตรวจภาคบังคับในวันที่ ๙ และ ๑๒ ของวันที่เดินทางมาถึงฮ่องกง

           (๔) ตามข้อ (๒) และ (๓) ผู้เดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนที่เดินทางมาจากประเทศตามที่กำหนดใหม่ในกลุ่ม B และกลุ่ม C จะมีระยะเวลาการกักกันตัวที่สั้นลง เมื่อเสร็จสิ้นระยะเวลาการกักกันตัวที่สั้นลง ผู้เยาว์ที่อายุต่ำกว่า ๑๒ ปีซึ่งเดินทางและถูกกักตัวมีทางเลือกที่จะกักตัวอยู่ที่บ้านได้จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาการกักกันตัวของผู้เยาว์ (๒๑ วันสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศในกลุ่ม B และ ๑๔ วันสำหรับผู้ที่มาจากประเทศในกลุ่ม C) โดยมีเงื่อนไขว่ าสมาชิกในครัวเรือนของผู้เยาว์ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว และผู้เยาว์ไม่สามารถติดต่อกับบุคคลที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ หากระยะเวลากักกันตัวภาคบังคับที่โรงแรมลดลงเหลือ ๗ วัน ผู้เดินทางต้องตรวจเชื้อภาคบังคับในวันที่ ๙,  ๑๒, ๑๖ และ ๑๙ ของวันที่เดินทางมาถึงฮ่องกง หากระยะเวลากักกันตัวภาคบังคับที่โรงแรมลดลงเหลือ ๑๔ วัน ผู้เดินทางจะต้องผ่านการตรวจเชื้อภาคบังคับในวันที่ ๑๖ และ ๑๙ ของวันที่เดินทางมาถึงฮ่องกง

          (๕) ผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮ่องกงที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนซึ่งเคยอยู่ในประเทศตามที่ระบุใหม่ของกลุ่ม B และไม่ได้อยู่ในประเทศตามที่ระบุใหม่ของกลุ่ม A ในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง สามารถเดินทางจากประเทศที่ระบุใหม่ในกลุ่ม B มายังฮ่องกงได้ ตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในข้อ (๒) โดยข้อกำหนดในการขึ้นเครื่อง การกักกันตัว และการตรวจเชื้อจะเหมือนกับข้อกำหนดของผู้พำนักในฮ่องกงที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน  สำหรับผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮ่องกงที่เคยอยู่ในประเทศตามที่ระบุใหม่ของกลุ่ม C สามารถเข้าฮ่องกงได้โดยมีการจัดการเหมือนกับที่ใช้กับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศในกลุ่ม D โดยข้อกำหนดการขึ้นเครื่อง การกักกันตัว และการตรวจเชื้อจะเหมือนกับข้อกำหนดสำหรับผู้พำนักในฮ่องกง  ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮ่องกงที่เคยอยู่ในประเทศตามที่ระบุใหม่ของกลุ่ม A รวมถึงผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮ่องกงที่เคยอยู่ในประเทศตามที่ระบุใหม่ของกลุ่ม B และยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนจะยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฮ่องกง

   ๑.๒ ทางการฮ่องกงประกาศขยายมาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคมออกไปเป็นเวลา ๑๔ วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป เนื่องจากยังมีความจำเป็นในการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งฮ่องกงต้องสร้างกำแพงป้องกัน ๒ ด้าน โดยการเสริมสร้างมาตรการป้องกันการนำเข้าของเชื้อและเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนของประชาชน

   ๑.๓ สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในมาเก๊า ทางการฮ่องกงกำหนดให้ผู้ที่เคยอยู่ในมาเก๊าในวันที่เดินทางถึงฮ่องกงหรือในช่วง ๑๔ วันก่อนเดินทางจะถูกกักกันตัวที่บ้าน ๑๔ วัน และต้องผ่านการตรวจภาคบังคับในวันที่ ๓, ๗, ๑๒, ๑๖ และ ๑๙ ของการมาถึงฮ่องกง และระยะเวลากักกันตัวที่สั้นลงเหลือ ๗ วันจะไม่มีผลกับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบถ้วน และเตือนชาวฮ่องกงที่ประสงค์จะกลับภายใต้โครงการ Return2hk ตรวจสอบรายชื่อพื้นที่เสี่ยงล่วงหน้าจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องก่อนล่วงหน้า

TOP