เรียน คุณ Patsawan
กรณีของท่านถ้านายจ้างและลูกจ้างมีการตกลงเรื่องการปรับค่าจ้างหรือเงินเดือนกันแล้ว ลูกจ้างจะมีสิทธิได้รับค่าจ้างที่ถูกปรับแล้วย้อนหลังจากนายจ้าง จำนวน 2 เดือน ซึ่งเงินดังกล่าวจะไม่ใช่เงินชดเชย เนื่องจากเงินชดเชยจะจ่ายให้ลูกจ้างในกรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดเท่านั้น หากท่านยังทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ กรณีดังกล่าวอาจหมายความได้ว่าท่านจะต้องได้รับค่าจ้างที่ปรับอัตราใหม่แล้วจากนายจ้าง
เรียน คุณนายสำเร็จ
สัญญาจ้างทดลองงานเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาจ้างโดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป้นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ เมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใด เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็ได้ แต่ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน ทั้งนี้ ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามวันที่ทำงานจริง หากนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด ดังนี้
1.1 ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
1.2 ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
1.3 ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
1.4 ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน
1.5 ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 10 แต่ไม่ครบ 20 ปี มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน
1.6 ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (ในวันเวลาราชการ) สำนักคุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 0 2246 0801 โทรสาร 0 2245 0998 http://protection.labour.go.th/
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่กฎหมายกำหนด ให้ติดต่อ พนักงานตรวจแรงงาน ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่/จังหวัดที่ท่านทำงานหรือที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่
รายละเอียดเบอร์โทรศัพท์และที่ตั้งสำนักงาน เพื่อติดต่อ พนักงานตรวจแรงงาน มีดังนี้
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10
https://www.labour.go.th/index.php/contact/contact-m1
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด
https://www.labour.go.th/index.php/contact/contact-m2
เรียน คุณดา
ในกรณีหากใช้สิทธิลากิจธุระอันจําเป็นตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 กําหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจําเป็น โดยได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่า 3 วันทํางานต่อปี แต่การลากิจนั้นให้เป็นไปตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทํางานของนายจ้าง
ส่วนการลาที่เกิน 3 วัน นายจ้างอาจจะอนุมัติให้ลาหรือไม่ก็ได้ แต่หากอนุมัติให้ลา นายจ้างมีสิทธิไม่จ่ายค่าจ้างส่วนที่เกิน 3 วันได้ (ลูกจ้างทุกประเภท รายเดือน รายวัน เหมา ทดลองงาน ลากิจ นายจ้างจ่ายค่าจ้าง) ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2562 มาตรา 34 , มาตรา 57/1
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่กฎหมายกำหนด ให้ติดต่อ พนักงานตรวจแรงงาน ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่/จังหวัดที่ท่านทำงานหรือที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่
รายละเอียดเบอร์โทรศัพท์และที่ตั้งสำนักงาน เพื่อติดต่อ พนักงานตรวจแรงงาน มีดังนี้
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10
https://www.labour.go.th/index.php/contact/contact-m1
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด
https://www.labour.go.th/index.php/contact/contact-m2
เรียนคุณ รัตนาภรณ์
มาตรา 32 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริงฯ
พรบ.คุ้มครองแรงงาน ไม่ได้มีการกำหนดนิยามคำว่า “วันลาป่วย” หรือ “ป่วย” ไว้ แต่อย่างใด จึงต้องพิจารณาความหมาย ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งได้ให้ความหมายของคำว่า “ป่วย” หมายถึง รู้สึกไม่สบายเพราะโรคหรือความไข้ หรือเหตุอื่นใดที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น ทั้งนี้ประกอบกับกฎหมายมีเจตนารมณ์ ในการกำหนดวันลาป่วยเพื่อให้ลูกจ้างได้มีโอกาสหยุดพักรักษาตัวในขณะที่เจ็บป่วย เพื่อให้สุขภาพฟื้นคืน สภาพเดิมพร้อมที่จะกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามปกติ
แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการลาของบริษัทด้วยค่ะว่ามีการระบุอะไรไว้นอกเหนือจากกฎหมายบ้าง
อ้างอิงจากข้อหารือ : https://legal.labour.go.th/attachments/article/167/60_00008.pdf
หากต้องการสอบถามเพิ่มเติม เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจน สามารถติดต่อพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ที่ทำงาน
รายละเอียดเบอร์โทรศัพท์และที่ตั้งสำนักงาน เพื่อติดต่อ พนักงานตรวจแรงงาน มีดังนี้ค่ะ
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10
https://www.labour.go.th/index.php/contact/contact-m1
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด
https://www.labour.go.th/index.php/contact/contact-m2
เรียนคุณ ธนากร วงษ์มา เรื่องที่ท่านสอบถามมานั้น ขอแยกเป็นประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 เรื่องการหักค่าจ้าง 10 วันนั้น นายจ้างไม่สามารถดำเนินการได้เพราะขัดกฎหมาย ม.76 ครับ
ประเด็นที่ 2 ค่าจ้างที่ลูกจ้างทำงานมาแล้ว 10 วัน ยังไงก็ต้องได้รับครับ แต่ต้องเป็นไปตามงวดการจ่ายค่าจ้างปกติของนายจ้างและตามวิธีปกติ เช่น นายจ้างคำนวณค่าจ้างจากการทำงานตั้งแต่วันที่ 26 ของเดือนที่ผ่านมา ถึงวันที่ 25 ของเดือนปัจจุบัน จ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือนโดยการโอนผ่านธนาคารนั้น สมมุติว่าลูกจ้างทำงานมาถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 แล้วลาออกเลย นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างรอบการทำงาน 21-25 กันยายน 2565 ในวันที่ 30 กันยายน 2565 และ วันที่ 26-30 กันยายน 2565 ต้องจ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2565 หากเลยวันดังกล่าวสามารถยื่นคำร้องทุกข์นายจ้างค้างจ่ายค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ยได้ แต่การลาออกไม่ถูกต้องหากนายจ้างได้รับความเสียหายมีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเสียหายการผิดสัญญาจ้างได้ครับ
ถ้าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ท่านสามารถร้องเรียนหรือร้องทุกข์ได้ ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด 76 จังหวัด หรือ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือร้องผ่านระบบ E-Service ของกรมได้ที่ https://www.labour.go.th/index.php/e-services หากท่านประสงค์สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่…กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ติดต่อได้หลายช่องทาง
1. สายด่วนโทร 1506 กด 3
2. สายด่วน 1546
3. ติดติด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด/ กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ จากเว็บไซต์ http://www.labour.go.th เมนูติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ท่านทำงาน หรือจังหวัดของท่าน
เรียนคุณ ธนากร วงษ์มา เรื่องที่ท่านสอบถามมานั้น ขอแยกเป็นประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 เรื่องการหักค่าจ้าง 10 วันนั้น นายจ้างไม่สามารถดำเนินการได้เพราะขัดกฎหมาย ม.76 ครับ
ประเด็นที่ 2 ค่าจ้างที่ลูกจ้างทำงานมาแล้ว 10 วัน ยังไงก็ต้องได้รับครับ แต่ต้องเป็นไปตามงวดการจ่ายค่าจ้างปกติของนายจ้างและตามวิธีปกติ เช่น นายจ้างคำนวณค่าจ้างจากการทำงานตั้งแต่วันที่ 26 ของเดือนที่ผ่านมา ถึงวันที่ 25 ของเดือนปัจจุบัน จ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือนโดยการโอนผ่านธนาคารนั้น สมมุติว่าลูกจ้างทำงานมาถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 แล้วลาออกเลย นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างรอบการทำงาน 21-25 กันยายน 2565 ในวันที่ 30 กันยายน 2565 และ วันที่ 26-30 กันยายน 2565 ต้องจ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2565 หากเลยวันดังกล่าวสามารถยื่นคำร้องทุกข์นายจ้างค้างจ่ายค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ยได้ แต่การลาออกไม่ถูกต้องหากนายจ้างได้รับความเสียหายมีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเสียหายการผิดสัญญาจ้างได้ครับ
ถ้าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ท่านสามารถร้องเรียนหรือร้องทุกข์ได้ ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด 76 จังหวัด หรือ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือร้องผ่านระบบ E-Service ของกรมได้ที่ https://www.labour.go.th/index.php/e-services หากท่านประสงค์สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่…กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ติดต่อได้หลายช่องทาง
1. สายด่วนโทร 1506 กด 3
2. สายด่วน 1546
3. ติดติด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด/ กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ จากเว็บไซต์ http://www.labour.go.th เมนูติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ท่านทำงาน หรือจังหวัดของท่าน
เรียนคุณ Mm เรื่องค่าจ้างที่ลูกจ้างทำงานมาแล้วยังไงก็ต้องได้รับครับ แต่ต้องเป็นไปตามงวดการจ่ายค่าจ้างปกติของนายจ้างและตามวิธีปกติ เช่น นายจ้างคำนวณค่าจ้างจากการทำงานตั้งแต่วันที่ 26 ของเดือนที่ผ่านมา ถึงวันที่ 25 ของเดือนปัจจุบัน จ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือนโดยการโอนผ่านธนาคารนั้น สมมุติว่าลูกจ้างทำงานมาถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 แล้วลาออกเลย นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างรอบการทำงาน 26 สิงหาคม ถึง 25 กันยายน 2565 ในวันที่ 30 กันยายน 2565 และ วันที่ 26-30 กันยายน 2565 ต้องจ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2565 หากเลยวันดังกล่าวสามารถยื่นคำร้องทุกข์นายจ้างค้างจ่ายค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ยได้ แต่การลาออกไม่ถูกต้องหากนายจ้างได้รับความเสียหายมีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเสียหายการผิดสัญญาจ้างได้ครับ
ถ้าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ท่านสามารถร้องเรียนหรือร้องทุกข์ได้ ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด 76 จังหวัด หรือ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือร้องผ่านระบบ E-Service ของกรมได้ที่ https://www.labour.go.th/index.php/e-services หากท่านประสงค์สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่…กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ติดต่อได้หลายช่องทาง
1. สายด่วนโทร 1506 กด 3
2. สายด่วน 1546
3. ติดติด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด/ กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ จากเว็บไซต์ http://www.labour.go.th เมนูติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ท่านทำงาน หรือจังหวัดของท่าน
เรียน คุณพรพิมล วรอุปถัมภ์
ในกรณีที่ท่านยังไม่มีงานใหม่รองรับ สามารถขึ้นทะเบียนการว่างงานได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด หรือช่องทางออนไลน์ที่ https://empui.doe.go.th/auth/index
เรียน คุณเอ็กซ์ สุดถาวงษ์
ท่านสามารถขอยื่นคำร้องได้ครับ กรณีที่นายจ้างขอลดเงินเดือนในช่วงโควิด จนกระทั่งสถานการณ์ดีขึ้น เงินเดือนท่านก็ไม่ได้เท่าเดิม
และท่านเองก็ไม่สามารถบังคับให้นายจ้างเลิกจ้างท่านได้ เพราะนายจ้างต้องแบกภาระจ่ายค่าชดเชย ตัวท่านได้มีข้อโต้แย้งกับทางนายจ้าง ในเรื่องการขอลดเงินเดือน หรือมีการลงลายมือชื่ออนุญาตให้ลดเงินเดือนบ้างไหม หากมีการโต้แย้งเรื่องลดค่าจ้าง แต่นายจ้างยังลดค่าจ้างอยู่สามารถเรียกเงินคืนย้อนหลังได้ครับ
ลูกจ้างสามารถร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ ที่ลูกจ้างทำงาน กรณีท่านต้องการปรึกษา หรือร้องเรียน ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด / กรุงเทพฯ ได้จากเว็บไซต์กรม (www.labour.go.th)
เมนู ติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่หรือจังหวัด ที่ท่านอาศัยอยู่ (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.)
เรียน คุณจัน
หากท่านไม่ได้รับความยุติธรรมจากสภาพการจ้าง และสภาพการทำงาน
ลูกจ้างสามารถร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ ที่ลูกจ้างทำงาน กรณีท่านต้องการปรึกษา หรือร้องเรียน ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด / กรุงเทพฯ ได้จากเว็บไซต์กรม (www.labour.go.th)
เมนู ติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่หรือจังหวัด ที่ท่านอาศัยอยู่ (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.)
เรียน คุณPM
ผู้ว่าจ้างหรือนายจ้างนั้น เป็นหน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ หรือไม่ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พศ 2542 ถ้าหากใช่ ก็ไม่สามารถฟ้องบังคับได้
กรณีท่านต้องการปรึกษา หรือร้องเรียน ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด / กรุงเทพฯ ได้จากเว็บไซต์กรม (www.labour.go.th)
เมนู ติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่หรือจังหวัด ที่ท่านอาศัยอยู่ (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.)
เรียน คุณBest
ลูกจ้างสามารถร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ ที่ลูกจ้างทำงาน กรณีท่านต้องการปรึกษา หรือร้องเรียน ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด / กรุงเทพฯ ได้จากเว็บไซต์กรม (www.labour.go.th)
เมนู ติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่หรือจังหวัด ที่ท่านอาศัยอยู่ (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.)
เรียน คุณหัวจะปวด
สิทธิวันหยุดพักผ่อนประจำปี อาจเป็นการตกลงกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้างได้ หรือนายจ้างสามารถจัดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างได้ การใช้สิทธิวันหยุดพักผ่อนประจำปีขึ้นกับข้อบังคับของบริษัท ไม่ว่าระเบียบการแจ้งล่วงหน้าภายในกี่วัน และนายจ้างจะต้องอนุมัติการลานั้นได้ หากท่านต้องการปรึกษา หรือร้องเรียน ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด / กรุงเทพฯ ได้จากเว็บไซต์กรม (www.labour.go.th)
เมนู ติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่หรือจังหวัด ที่ท่านอาศัยอยู่ (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.)
เรียน คุณJeangbud
ความผิดฐานฉ้อโกง ถือเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ ซึ่งหมายถึงผู้เสียหายและผู้กระทําความผิด สามารถเจรจาคืนทรัพย์สิน หรือชำระค่าเสียหายเพื่อยุติคดี แต่ยกเว้น “ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน” ผู้เสียหายต้องดําเนินการแจ้งความ หรือฟ้องคดีภายในเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่ทราบเรื่องและรู้ตัว ผู้กระทําผิด ไม่เช่นนั้น คดีจะขาดอายุความ
เรียน คุณปฐมพงษ์
ค่าบริหารสาขา ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นค่าจ้าง หรือสวัสดิการหรือไม่ การให้นี้มีเงื่อนไขหรือไม่ หากได้ประจำทุกเดือนโดยไม่มีเงื่อนไขถือว่าเป็นค่าจ้าง หากมีการหักส่วนนี้ออกไปถือว่าไม่เป็นคุณต่อลูกจ้าง สามารถยื่นคำร้องได้ และหากลูกจ้างปกปิดการทำงานที่ผิดพลาดเพื่อไม่ให้โดนตัดค่าบริหารสาขานี้ จะถือว่าเป็นการทำผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ ก็ต้องดูตามมาตรา 119 แห่งพรบ คุ้มครองแรงงาน พศ 2541 หากลูกจ้างคิดว่าไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรงจริงสามารถยื่นคำร้องได้ครับ
มาตรา 119 ได้บัญญัติยกเว้นให้ นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
(1) ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
(2) จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
(3) ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
(4) ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง นายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน โดยหนังสือเตือนให้มีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำผิด
(5) ลูกจ้างละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร
(6) ลูกจ้างได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
ในกรณี (6) ถ้าเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษต้องเป็นกรณีที่เป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
ลูกจ้างสามารถร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ ที่ลูกจ้างทำงาน กรณีท่านต้องการปรึกษา หรือร้องเรียน ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด / กรุงเทพฯ ได้จากเว็บไซต์กรม (www.labour.go.th)
เมนู ติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่หรือจังหวัด ที่ท่านอาศัยอยู่ (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.)