สอบถามเพิ่มเติมค่ะ 1. พนักงานเรือเป็นเรือประเภทใดคะ เรือบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศ เรือบรรทุกสินค้าในประเทศ หรือเรือประมง
2. คำสั่งที่สั่งให้กักตัวเป็นคำสั่งของหน่วยงานภาครัฐ หรือว่าคำสั่งของนายจ้าง
สาเหตุที่ต้องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเนื่องจากมีรายละเอียดที่แตกต่างกันค่ะ เช่น กรณีเรือประมง หรือเรือบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศ จะไม่อยู่ภายใต้กฏหมายประกันสังคมค่ะ
กรณีคำสั่งให้กักตัวหากเป็นคำสั่งของหน่วยงานราชการเพื่อเป็นมาตราการในการป้องกันโรคติดต่อไวรัสโควิท-19 และลูกจ้างอยู่ในระบบประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม จะจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยแก่ผู้ประกันตนในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน พิจารณาจ่ายตาม”กฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. 2563″ โดยนายจ้างยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ และรับรองกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยได้ให้ผู้ประกันตนได้ โดยติดต่อ 1506 แต่หากเป็นกรณีที่นายจ้างสั่งให้ลูกจ้างกักตัว เพื่อประโยชน์ของนายจ้างฝ่ายเดียว นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างค่ะ
การที่ลูกจ้างมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อเนื่องจากใกล้ชิดผู้ป่วยในสถานที่ทำงาน นายจ้างกับลูกจ้างสามารถตกลงกัน เพื่อให้ลูกจ้างหยุดงาน หรือทำงานที่บ้าน โดยมีการจ่ายค่าจ้างหรือไม่รับค่าจ้างก็สามารถทำได้ หรือถ้าลูกจ้างต้องการใช้สิทธิต่างๆ เช่น การลาพักร้อน ลากิจ เพื่อรับค่าจ้าง ก็สามารถทำได้ครับ
ข้อ 1 บริษัทฯ กำหนดสภาพการจ้างไว้แล้วนายจ้างไม่อาจกำหนดสัญญาจ้างแรงงานขัดหรือแย้งกับสภาพการจ้างได้ ยกเว้นกรณีที่สัญญาจ้างแรงงานนั้นเป็นคุณแก่ลูกจ้างยิ่งกว่า ส่วนกรณีที่บริษัทฯ ปรับลดเงินเดือนลงเหลือร้อยละ 80 หากบริษัทฯและลูกจ้างได้เจรจาตกลงกันเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างไปจากเดิมข้อตกลงนั้นมีผลใช้บังคับตามระยะเวลาที่นายจ้างและลูกจ้างได้ตกลงกัน และมีผลผูกพันนายจ้างและลูกจ้างที่ลงลายมือชื่่อ
ข้อ 2 นายจ้างไม่สามารถหักเงินจากค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ของลูกจ้างได้เว้นแต่เป็นการหักตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
หากท่านมีประเด็นไหนที่ต้องการปรึกษาเพิ่มเติมสามารถติดต่อปรึกษาได้ที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ที่ช่องทาง ดังนี้
1) สายด่วน 1546
2) สายด่วน 1506 กด 3 หรือ
3) สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด/กรุงเทพ ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์จากเว็ปไซต์กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน http://www.labour.go.th (เมนู ติดต่อกรม) เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ท่านทำงานหรืออาศัยอยู่ให้คำปรึกษาช่วยเหลือ หรือยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ ที่ http://s90.labour.go.th/e_request/login.php กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานยินดีให้บริการ
กรณีที่ลูกจ้างป่วย ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันลาป่วยให้ลูกจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลูกจ้างลา แต่ปีหนึ่งไม่เกินสามสิบวันทำงาน
หากท่านมีประเด็นไหนที่ต้องการปรึกษาเพิ่มเติมสามารถติดต่อปรึกษาได้ที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ที่ช่องทาง ดังนี้
1) สายด่วน 1546
2) สายด่วน 1506 กด 3 หรือ
3) สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด/กรุงเทพ ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์จากเว็ปไซต์กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน http://www.labour.go.th (เมนู ติดต่อกรม) เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ท่านทำงานหรืออาศัยอยู่ให้คำปรึกษาช่วยเหลือ หรือยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ ที่ http://s90.labour.go.th/e_request/login.php กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานยินดีให้บริการ
การลาออกจากงานอย่างถูกต้อง จะได้รับค่าจ้างเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานค่ะ ถ้านายจ้างไม่จ่ายเงินตามที่กฎหมายกำหนดให้ร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงานท้องที่ที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ครับ ถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมให้ติดต่อสอบถามพนักงานตรวจแรงงาน โดยท่านสามารถติดต่อกรมได้หลายช่องทางครับ 1. สายด่วน 1546 (ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 – 16.30 น.) 2. สายด่วน 1506 กด 3 (ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 – 16.30 น.) 3. ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด/กรุงเทพฯ ได้จากเว็บไซต์กรม (www.labour.go.th) เมนู ติดต่อกรม เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่หรือจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ (ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 – 16.30 น.) 4. ช่องทางการยื่นคำร้องออนไลน์ (24 ชม.) https://eservice.labour.go.th/
การลาไปฉีดวัคซีนลูกจ้างสามารถใช้สิทธิได้ทั้งลากิจหรือลาพักร้อน โดยลาพักร้อนปีละไม่เกินหกวัน ส่วนลากิจปีละไม่เกินสามวันโดยได้รับค่าจ้างครับ
จากกรณีดังกล่าว นายจ้างห้ามพนักงานที่ไม่ฉีดวัคซีนเข้าทำงานและไม่จ่ายค่าจ้าง นายจ้างไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเมื่อลูกจ้างประสงค์จะทำงานแต่นายจ้างสั่งให้ลูกจ้างหยุดงาน เพื่แประโยชน์ของนายจ้างเองนายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างตามวันที่สั่งให้ลูกจ้างหยุดงาน และนายจ้างจะบังคับให้ลูกจ้างฉีดวัคซินไม่ได้ เพราะการฉีดวัคซินเป็นสิทธิส่วนบุคคลของลูกจ้างนายจ้างจะบังคับลูกจ้างไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิในร่างกายตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีกฎหมายกำหนดให้นายจ้างทำได้
เนื่องจากประกาศของ ศบค.เป็นการขอความร่วมมือสถานประกอบการให้จัดรูปแบบการทำงานแบบ WHF เพื่อลดความเสี่ยงในการอยู่รวมกันจำนวนมาก และลดการเดินทาง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด หากนายจ้างไม่ให้ความร่วมมือยังคงเปิดทำงานตามปกติแต่มีมาตราการการป้องกันโรคระบาดด้วยวิธีอื่นอย่างดีและมีประสิทธิภาพตามมาตรการที่รัฐกำหนดและนายจ้างยังคงให้ลูกจ้างมาทำงานตามปกติ นายจ้างก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน แต่หากนายจ้างไม่มีมาตรการตามที่รัฐกำหนดและมีลูกจ้างติดเชื้อโควิดในสถานประกอบกิจการและมีความเสี่ยงจะแพร่เชื้อไปในโรงงาน แต่นายจ้างไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคทราบและไม่มีมาตราการตามที่ ศบค.กำหนด นายจ้างอาจจะมีความผิดตาม พรบ.ควบคุมโรค และพรก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ และหากสถานประกอบการของนายจ้างมีการแพร่ระบาดและการติดเชื้อของลูกจ้างจำนวนมากและนายจ้างไม่มีมาตรการป้องกันโรคที่ดีจึงทำให้สถานประกอบการของนายจ้างเป็นที่แพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด และลูกจ้างหากไปทำงานตามคำสั่งของนายจ้างจะทำให้ติดเชื้อไวรัสโควิดและเป็นอันตรายต่อลูกจ้างอย่างแน่นอน ลูกจ้างก็สามารถปฏิเสธที่จะเข้าไปทำงานในสถานที่ที่เป็นการแพร่ของโรคไวรัสโควิดที่เป็นอันตรายได้ ส่วนกรณีของผู้ถาม ถามว่าถ้าหากตั้งครรภ์แปดเดือนแล้ว นายจ้างไม่ให้ทำงานแบบ WHF และให้ไปทำงานปกติจนเป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับการติดเชื้อโควิด 19 จากที่ทำงานของนายจ้างที่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิดจำนวนมากและนายจ้างไม่มีมาตรการป้องกันที่ดี หรือไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคเข้ามาดำเนินการกักกันโรค จนเป็นสาเหตุให้ลูกจ้างแท้งบุตรจากการติดเชื้อโควิดจากที่ทำงานของนายจ้าง และหากลูกจ้างมีข้อเท็จจริงหรือสามารถพิสูจน์ได้ว่าการแท้งบุตรเป็นสาเหตุโดยครงที่เกิดจากการทำงานให้นายจ้าง ลูกจ้างจะใช้สิทธิทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากนายจ้างก็เป็นสิทธิของลูกจ้างตามกฎหมาย แต่ตามพรบ.คุ้มครองแรงงานฯ กฎหมายให้ความคุ้มครองหญิงตั้งครรภ์ โดยห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิงตั้งครรภ์ทำงานที่เป็นงานอันตราย เช่น งานที่เกี่ยวกับเครื่องจักรที่มีความสั่นสะเทือน งานแบกหาบหาม ฯลฯ และห้ามให้หญิงตั้งครรภ์ทำงานในระหว่างเวลา 22.00-06.00 น. ห้ามทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุด ห้ามเลิกจ้างหญิ่งเพราะเหตุตั้งครรภ์ และให้ลูกจ้างหญิงมีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน โดยได้รับค่าจ้าง 45 วัน และมีสทธิขอให้นายจ้างเปลี่ยนงานหรือจัดงานที่เหมาะสมให้ตามที่แพทย์รับรองได้
นายจ้างจะบังคับให้ลูกจ้างหยุดงานโดยไม่รับค่าจ้างไม่ได้ครับ หากนายจ้างประสงค์จะหยุดกิจการชั่วคราวไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนนายจ้างต้องแจ้งพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ และลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วันทำการ โดยในกรณีที่ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยนายจ้างต้องจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในอัตราร้อยละ 75
แต่จากข้อเท็จจริงของท่านปรากฏว่า นายจ้างให้ท่านมาทำงาน ดังนั้น นายจ้างจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามปกติ ทั้งนี้ หากถึงวันจ่ายค่าจ้างแล้วนายจ้างไม่จ่ายหรือจ่ายไม่ถูกต้อง ท่านสามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ที่ท่านทำงาน หรือยื่นออนไลน์ได้ที่ https://eservice.labour.go.th/
** วีดีโอแนะนำการยื่นคำร้องออนไลน์ https://www.youtube.com/watch?v=-XacJXnHWA8
ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 95 ประกอบกับกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ พ.ศ.2548 ข้อ 1 (2) “กำหนดให้นายจ้างจัดให้มีห้องน้ำและห้องส้วมตามแบบและจำนวนที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง…” เมื่อนายจ้างไม่จัดสวัสดิการให้แก่ลูกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด ท่านสามารถร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงาน
ผ่านทางลิ้งก์ https://s97.labour.go.th/pub_request/ContactForm.php เพื่อให้พนักงานตรวจแรงงานเข้าไปตรวจสอบและแนะนำให้นายจ้างปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย
กรณีดังกล่าวลูกจ้างสามารถร้องเรียนต่อสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่ตนทำงานอยู่หรือสามารถทำหนังสือร้องเรียนมายังสำนักงานประกันสังคมที่
ssoeditorial@gmail.com หรือติดต่อไปยังหมายเลข 029562345 ภายในวันและเวลาราชการ
เรียน คุณ Wassana 233467
การปรับลดจำนวนชั่วโมงการทำงานและลดค่าจ้างเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง ดังนั้น หากลูกจ้างไม่ยินยอม นายจ้างไม่สามารถกระทำได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม ท่านสามารถยื่นคำร้องเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ต่อพนักงานตรวจแรงงานที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัดที่ท่านทำงานหรือที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ อย่างไรก็ตามในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการ โดยสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ได้ที่ https://eservice.labour.go.th
เรียน คุณ Chantr 233328
การลดค่าจ้างเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง ดังนั้น หากลูกจ้างไม่ยินยอม นายจ้างไม่สามารถกระทำได้ สำหรับการลาป่วยตั้งแต่ 3 วันทำงานขึ้นไป นายจ้างอาจให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองแพทย์ ดังนั้น หากลูกจ้างลาป่วยเพียง 1 วัน จึงไม่ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ก็ได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม ท่านสามารถยื่นคำร้องเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ต่อพนักงานตรวจแรงงานที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัดที่ท่านทำงานหรือที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ อย่างไรก็ตามในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการ โดยสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ได้ที่ https://eservice.labour.go.th
ทั้งนี้ หากท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ท่านสามารถติดต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ดังนี้ค่ะ (1) สายด่วน 1506 กด 3 (2) สายด่วน 1546 (3) สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด/พื้นที่ที่ท่านทำงานอยู่/ในเขตภูมิลำเนาของท่าน หรือ 4) สามารถยื่นออนไลน์ผ่านระบบ e-service (ยื่นคำร้อง คร.7) ได้ที่ http://eservice.labour.go.th
ขอบคุณค่ะ
ถ้าลูกจ้างหายป่วยแล้ว สามารถกลับเข้าทำงานได้ตามปกติ โดยหากลาป่วยเกิน 3 วันทำงาน ควรแสดงใบรับรองแพทย์ประกอบการลา แต่หากสถานประกอบกิจการมีมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เช่น ให้กักตัวต่อเนื่องอีก 7 วัน 14 วัน ก็จะให้เป็นไปตามกฎระเบียบนั้น ๆ โดยขึ้นอยู่กับการกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด—19 ของแต่ละบริษัท/สถานประกอบการค่ะ